omniture

"วิชันเนฟ โรโบติกส์" ระดมทุนรอบ C+ ได้ 80 ล้านดอลลาร์ ขึ้นแท่นการระดมทุนที่ใหญ่ที่สุดในสาขายานยนต์อุตสาหกรรมไร้คนขับ

VisionNav
2022-04-29 20:00 71

เซินเจิ้น, จีน—29 เม.ย.—พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์

วิชันเนฟ โรโบติกส์ (VisionNav Robotics) หรือ "บริษัท" ผู้ผลิตยานยนต์งานอุตสาหกรรมไร้คนขับระดับโลก ประกาศระดมทุนรอบ C+ ได้กว่า 80 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นำโดยแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชั้นนำสำหรับภาคบริการของจีนอย่างเหม่ยถวน (Meituan) และไฟฟ์วาย แคปิตอล (5Y Capital) ส่งผลให้วิชันเนฟเป็นบริษัทที่เปิดรอบระดมทุนมากที่สุดและระดมทุนได้มากที่สุดจากการเปิดระดมทุนรอบเดียวในสาขายานยนต์อุตสาหกรรมไร้คนขับทั่วโลก


วิชันเนฟ โรโบติกส์ เน้นย้ำว่าเงินที่ได้จากการระดมทุนรอบนี้จะนำไปใช้ในการ

  • วิจัยเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์
  • เพิ่มสมรรถนะของผลิตภัณฑ์ โดยเน้นที่เสถียรภาพและมาตรฐานของผลิตภัณฑ์
  • ส่งเสริมการดำเนินการในสเกลใหญ่และการส่งมอบในพื้นที่ต่าง ๆ ให้ลูกค้าทั่วโลก

วิชันเนฟ โรโบติกส์ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2559 ปัจจุบันเป็นบริษัทชั้นนำด้านยานยนต์งานอุตสาหกรรมไร้คนขับ โดยมีความมุ่งมั่นในการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) การรับรู้สิ่งแวดล้อม ดีปเลิร์นนิง การควบคุมเซอร์โว และเทคโนโลยีแกนหลักอื่น ๆ ไปใช้ในการพัฒนายานยนต์งานอุตสาหกรรม เพื่อมอบยานยนต์อัตโนมัติและโซลูชันไร้คนควบคุมที่มีความยืดหยุ่นรองรับกระบวนการโลจิสติกส์ภายในโรงงานและคลังสินค้า โดยวิชันเนฟ โรโบติกส์ ได้พัฒนายานยนต์งานอุตสาหกรรมไร้คนขับและระบบควบคุมหุ่นยนต์มาแล้ว 9 ซีรีส์

นับตั้งแต่การระดมทุนรอบล่าสุด วิชันเนฟ โรโบติกส์ ได้เร่งแผนตีตลาดโลกและได้จัดตั้งศูนย์ซื้อขายและบริการในกว่า 30 ประเทศและดินแดน บริษัทประสบความสำเร็จในการให้บริการโปรเจกต์ต่าง ๆ กว่า 350 โปรเจกต์ รถยกอัตโนมัติและแทรกเตอร์ไร้คนควบคุมกว่า 1,500 คัน ครอบคลุมทั้งธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์ ยางรถ ปิโตรเคมี ยาสูบ อาหาร เวชภัณฑ์ การผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์กลุ่ม 3C โลจิสติกส์งานอีคอมเมิร์ซ โลจิสติกส์บุคคลที่สาม สิ่งทอ การพิมพ์ การผลิตกระดาษ และอื่น ๆ โดยกว่า 70% เป็นโปรเจกต์ที่มีกรณีการใช้งานซับซ้อนและค่อนข้างเข้มงวด และทางบริษัทก็ได้ร่วมมือกับบริษัทระดับฟอร์จูน 500 (Fortune 500) กว่า 50 รายด้วย

ประสิทธิภาพต่ำ ความยากลำบากในการสรรหาแรงงาน และการขาดแคลนเทคโนโลยีดิจิทัล ได้กลายเป็นอุปสรรคหลักในระบบโลจิสติกส์ภายในโรงงานขององค์กรต่าง ๆ มานานแล้ว โดยยานยนต์งานอุตสาหกรรมไร้คนขับมอบทางออกที่เป็นไปได้ให้แก่ปัญหาเหล่านี้ จนก่อให้เกิดตลาดที่มีศักยภาพเติบโตเป็นอย่างดี ขณะที่ข้อมูลสถิติยานยนต์อุตสาหกรรมสากล (WITS) ระบุว่า ยอดการจัดส่งรถยกทั่วโลกอยู่ที่ 1.58 ล้านคันในปี 2563 และ 2.34 ล้านคันในปี 2564 เพิ่มขึ้น 42.93% เมื่อเทียบเป็นรายปี ส่วนฟอร์จูน บิสิเนส อินไซต์ (Fortune Business Insights) คาดการณ์ว่า การจัดส่งรถยกทั่วโลกจากปี 2564 ถึงปี 2571 จะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ประมาณ 4.3% ปัจจุบัน อัตราส่วนการใช้ระบบไฟฟ้าของรถยกทั่วโลกได้ปรับตัวขึ้นแตะ 63% (WITS, 2563) และคาดว่ารถยก 20% จะขับเคลื่อนอัตโนมัติในปี 2571 ด้วยขนาดตลาดเกือบ 1 แสนล้าน

วิชันเนฟ โรโบติกส์ ให้ความสำคัญกับการพัฒนาและการนำยานยนต์งานอุตสาหกรรมไร้คนขับมาใช้ โดยอาศัยเทคโนโลยีระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นการรับรู้ของหุ่นยนต์ การควบคุม ระบุตำแหน่ง และจัดกำหนดการ ครอบคลุมทุกแง่มุมของระบบโลจิสติกส์ภายในโรงงาน จนสร้างความก้าวหน้ามาแล้วมากมาย ทั้งแร็คจัดเก็บสูง 9.4 เมตร ช่องทางเดินแคบ 2 เมตร การนำสินค้าขึ้นลงโดยไม่มีคนควบคุม การวางกองเป็นตั้งซ้อนกันหลายชั้น และกรณีการใช้งานอื่น ๆ ที่มีความซับซ้อน ทั้งยังได้สั่งสมกรณีการเรียนรู้มากมาย กำหนดมาตรฐานความเป็นไปได้ในอุตสาหกรรม และกำหนดเกณฑ์ทางเทคนิคที่มีความเข้มงวด


ในแง่ของโมเดลธุรกิจนั้น วิชันเนฟ โรโบติกส์ ได้กระชับความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับผู้เล่นรายหลัก ๆ ในห่วงโซ่ธุรกิจ ซึ่งประกอบด้วยซัพพลายเออร์และลูกค้าปลายทางทั่วโลก และมีข้อได้เปรียบด้านต้นทุนที่โดดเด่นในตลาด โดยคุณหลี่ หลู่หยาง (Li Luyang) ซีอีโอของวิชันเนฟ โรโบติกส์ เปิดเผยว่า ในขณะที่สถานการณ์ทั่วโลกและการแพร่ระบาดยังคงมีทิศทางไม่แน่นอน อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ได้เติบโตเป็นอย่างดีในปีแห่ง "ความท้าทาย" และกำลังก้าวเข้าสู่การส่งมอบบริการในสเกลใหญ่และเป็นมาตรฐาน วิชันเนฟ โรโบติกส์ ได้ค่อย ๆ เข้ามาสนับสนุนระบบนิเวศงานโลจิสติกส์ภายในโรงงานแบบไร้คนควบคุมอย่างค่อยเป็นค่อยไป การบูรณาการของซัพพลายเชนก็ได้ยกระดับขึ้น ขณะที่ขีดความสามารถในการดำเนินการของทั้งห่วงโซ่ก็ได้เข้ามาวางเกณฑ์ในการแข่งขันให้กับบริษัท

คุณหลี่เปิดเผยว่า บริษัทมียอดขายโตถึง 10 เท่าตัวระหว่างปี 2562-2564 ซึ่งเมื่อเทียบกับปี 2564 แล้ว คาดว่ายอดขายจะทะยานขึ้นถึง 300% ในปี 2565 โดยยอดคำสั่งซื้อเฉลี่ยน่าจะเพิ่มขึ้น 350% และคำสั่งซื้อซ้ำจากลูกค้าเพิ่มขึ้น 300% และเมื่อมีการบุกตลาดใหม่ ๆ และมีการส่งมอบบริการสเกลใหญ่ ๆ ในกรณีการใช้งานที่ได้เปรียบแล้ว ก็คาดว่าขนาดของธุรกิจจะเพิ่มขึ้น 5 เท่าตัวในปีนี้

 

Source: VisionNav
Keywords: Auto Computer/Electronics Transportation Venture Capital
Related News