ซีอาน, จีน--6 พ.ค.--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์
หลงอี้ (LONGi) ได้เปิดเผยรายงานผลประกอบการประจำปี 2564 และไตรมาสแรกของปี 2565 ต่อผู้ถือหุ้นทั่วโลก โดยระบุว่าบริษัทดำเนินงานได้อย่างมั่นคงและประสบความสำเร็จในการจัดส่งผลิตภัณฑ์ไปทั่วโลกตลอดระยะเวลาดังกล่าว
รายงานระบุว่า รายได้จากการดำเนินงานของหลงอี้ในปี 2564 อยู่ที่ 8.0932 หมื่นล้านหยวน เพิ่มขึ้น 48.27% เมื่อเทียบรายปี ขณะที่กำไรสุทธิของบริษัทแม่ในช่วงเวลาดังกล่าวอยู่ที่ 9.086 พันล้านหยวน ครอบคลุมกำไรสุทธิจำนวน 8.826 พันล้านหยวนที่ถูกหักออกจากผลกำไรและขาดทุนในรายการที่ไม่เกิดขึ้นเป็นประจำที่เป็นส่วนของผู้ถือหุ้นบริษัทจดทะเบียน ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นรวมอยู่ที่ 20.19% และอัตราส่วนสินทรัพย์ต่อหนี้สินอยู่ที่ 51.31% ลดลง 8.07% จากปีก่อนหน้า
ในแง่ของผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2565 บริษัทมีรายได้จากการดำเนินงานอยู่ที่ 1.8595 หมื่นล้านหยวน เพิ่มขึ้น 17.29% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำอุตสาหกรรมเซลล์แสงอาทิตย์ต่อไป หลงอี้มองเห็นศักยภาพที่สำคัญของการเปลี่ยนแปลงและโอกาสด้านพลังงานทั่วโลกซึ่งเชื่อมโยงกับการแสวงหาความเป็นกลางของคาร์บอน โดยบริษัทได้ตั้งเป้าหมายในการบรรลุรายได้จากการดำเนินงานมากกว่า 1 แสนล้านหยวนในปี 2565
การผลิตแผ่นเวเฟอร์และโมดูลเติบโตอย่างรวดเร็ว ขณะที่ยังเป็นผู้นำด้านการจัดส่งอันดับ 1 ของโลก
ในปี 2564 หลงอี้สามารถจัดส่งแผ่นเวเฟอร์ขนาดรวม 70.01 กิกะวัตต์ โดยแบ่งเป็นยอดขายภายนอกจำนวน 33.92 กิกะวัตต์ และสำหรับใช้ภายในจำนวน 36.09 กิกะวัตต์ และยังได้จัดส่งโมดูลโมโนคริสตัลไลน์รวม 38.52 กิกะวัตต์ โดยมียอดขายภายนอกคิดเป็น 37.24 กิกะวัตต์ และใช้งานภายในจำนวน 1.28 กิกะวัตต์ นอกจากนี้ ประสิทธิภาพการจัดจำหน่ายทั่วโลกของบริษัทในช่วงเวลาดังกล่าวยังทำส่วนแบ่งการตลาดและขยายอิทธิพลแบรนด์ขึ้นเป็นอันดับที่ 1 ของโลก ด้วยปริมาณการจัดส่งรวมของโมดูลทั้งในและต่างประเทศสูงกว่าคู่แข่งอันดับที่ 2 มากกว่า 10 กิกะวัตต์
ในไตรมาส 1 ปี 2565 หลงอี้ได้จัดส่งแผ่นเวเฟอร์ซิลิกอนโมโนคริสตัลไลน์จำนวน 18.36 กิกะวัตต์ โดยแบ่งเป็นยอดขายภายนอกที่ 8.42 กิกะวัตต์ และสำหรับใช้งานภายในจำนวน 9.94 กิกะวัตต์ รวมทั้งยังจัดส่งโมดูลโมโนคริสตัลไลน์จำนวน 6.44 กิกะวัตต์ โดยมียอดขายภายนอกคิดเป็น 6.35 กิกะวัตต์ และใช้งานภายในจำนวน 0.09 กิกะวัตต์
ณ สิ้นสุดปี 2564 กำลังการผลิตแผ่นเวเฟอร์ เซลล์ และโมดูลของบริษัทคิดเป็น 105 กิกะวัตต์, 37 กิกะวัตต์ และ 60 กิกะวัตต์ ตามลำดับ โดยมีเป้าหมายกำลังการผลิตปี 2565 เพิ่มขึ้นเป็น 150 กิกะวัตต์, 60 กิกะวัตต์ และ 85 กิกะวัตต์ ตามลำดับ
หลงอี้ได้กำหนดเป้าหมายการจัดส่งปี 2565 ไว้ที่ 90 -100 กิกะวัตต์ (ครอบคลุมการใช้งานภายใน) สำหรับแผ่นเวเฟอร์ และ 50-60 กิกะวัตต์ (ครอบคลุมการใช้งานภายใน) สำหรับโมดูล
เข้าสู่ตลาดธุรกิจระยะใหม่ด้วยกลยุทธ์โลกาภิวัตน์และการเจาะตลาดท้องถิ่น
ในฐานะผู้เล่นหลักในการดำเนินการตามกลยุทธ์โลกาภิวัตน์และการเจาะตลาดท้องถิ่น หลงอี้ได้บรรลุตำแหน่งผู้นำในส่วนแบ่งการตลาดในเกรทเทอร์ไชน่า เอเชียแปซิฟิก ยุโรป สหรัฐอเมริกา ตะวันออกกลาง และแอฟริกา โดยมียอดขายโมดูลโดยรวมในตำแหน่งผู้นำระดับโลกในปี 2563 และเป็นที่ยอมรับอย่างเป็นทางการในปี 2564 ปัจจุบันบริษัทได้จัดตั้งโรงงานผลิตและเครือข่ายการขายในกว่า 150 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก มีพนักงานเต็มเวลาถึง 49,967 คน โดยพนักงานจำนวน 9,827 คนปฏิบัติงานนอกจีนแผ่นดินใหญ่ คิดเป็น 7.59% ของจำนวนทั้งหมด
ด้วยกรณีพิพาททางการค้า (WRO) และปัญหาเฉพาะกิจอื่น ๆ ที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซลล์แสงอาทิตย์ของจีน ความได้เปรียบของหลงอี้จากการไม่พึ่งพาตลาดเดียว ทำให้หลงอี้สามารถทำผลงานได้ดีอย่างสม่ำเสมอ และเป็นไปตามความคาดหวังในการเติบโต การบรรลุการเปลี่ยนแปลงทางเทคนิคในสายการผลิตเดิม จะเสริมสร้างการประสานงานโดยรวมของการขายในภูมิภาคต่าง ๆ พร้อมย่นเวลาการขนส่งผลิตภัณฑ์ให้สั้นลง และเพิ่มระดับการจัดส่งผลิตภัณฑ์ต่อไป
การลงทุนอย่างยั่งยืนในด้านการค้นคว้าและพัฒนาเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทนำนวัตกรรมอุตสาหกรรม
หลงอี้รักษาคำมั่นสัญญาระยะยาวในการวิจัยและพัฒนาด้านเทคโนโลยี นับตั้งแต่การจดทะเบียนบริษัทในปี 2555 จนถึงปี 2564 อัตราการเติบโตของรายได้จากการดำเนินงานต่อปีอยู่ที่ 53.52% และมีรายรับรวมเพิ่มขึ้นจาก 1.71 พันล้านหยวนเป็นมากกว่า 8 หมื่นล้านหยวน เพิ่มขึ้นถึง 47 เท่า อัตราการเติบโตของการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นไปในลักษณะเดียวกัน คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 1 หมื่นล้านหยวน
ในปี 2564 หลงอี้ครอบครองสิทธิบัตรที่ได้รับอนุญาตทั้งหมด 1,387 ฉบับ และลงทุนกว่า 4.394 พันล้านหยวนในการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี ซึ่งคิดเป็น 5.43% ของรายได้ เพิ่มขึ้น 69.55% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยในปีที่ผ่านมาเพียงอย่างเดียว หลงอี้สามารถทำลายสถิติโลกด้านประสิทธิภาพการแปลงเซลล์ถึง 7 ครั้งในสาขาวิชาเทคนิคต่าง ๆ และอ้างสิทธิ์ในการเป็นผู้นำโดยรวมสำหรับเทคโนโลยีเซลล์ที่มีประสิทธิภาพสูงใหม่ ๆ เช่น TOPCon ประเภท n-type และ p-type และ HJT ประเภท n-type และ p-type เทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์รุ่นใหม่ของบริษัทจะถูกนำมาผลิตในช่วงไตรมาสที่สามของปี 2565
องค์กรระหว่างประเทศให้การยอมรับแบรนด์และคุณภาพผลิตภัณฑ์ของหลงอี้
ในปี 2564 ศูนย์ทดสอบพลังงานหมุนเวียนของสหรัฐ (RETC) ได้ยกย่องหลงอี้ให้เป็น "ผู้บรรลุความสำเร็จขั้นสูง" เป็นปีที่สามติดต่อกันในรายงานดัชนีโมดูลแสงอาทิตย์ (PVMI) รวมถึงยังได้รับสถานะ "ผู้ทำผลงานดีเยี่ยม" ในการให้คะแนนความน่าเชื่อถือโมดูลแสงอาทิตย์ของพีวีอีแอล (PVEL) ด้วย
หลงอี้ยังได้รับรางวัลชนะเลิศจากเวทีอินเทอร์โซลาร์ (Intersolar 2021) ในหมวดเซลล์แสงอาทิตย์ สำหรับโมดูล Hi-MO 5 (182 มม.) ที่มีประสิทธิภาพสูง โดยเป็นรางวัลที่มอบให้แก่บริษัทที่มีส่วนสำคัญต่ออุตสาหกรรมในแง่ของนวัตกรรมทางเทคโนโลยี
ในปี 2564 หลงอี้ได้รับการยอมรับอีกครั้งในงาน "ออล ควอลิตี แมทเทอร์ส" โซลาร์คองเกรส ("All Quality Matters" Solar Congress) ซึ่งจัดโดยทียูวี ไรน์แลนด์ (TÜV Rheinland) สำหรับโมดูล Hi-MO 4 และ Hi-MO 5 ประสิทธิภาพสูง โดยได้รับรางวัลการผลิตไฟฟ้านอกอาคาร (ประเภทหน้าเดียว) และการจำลองปริมาณการผลิตไฟฟ้า (ประเภทโมโนคริสตัลไลน์แบบสองหน้า) ตามลำดับ
ส่งเสริมแนวคิดด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) เพื่อความยั่งยืน
หลงอี้มีความจริงจังในการพัฒนาอย่างยั่งยืน ในปี 2564 บริษัทได้ประกาศคำปฏิญาณในการประชุมว่าด้วยความหลากหลายทางชีววิทยาของสหประชาชาติ (COP15) เพื่อเปลี่ยนฐานการผลิตของบริษัทในเขตเป่าซาน มณฑลยูนนาน ให้เป็น "โรงงานสุทธิศูนย์" แห่งแรกภายในปี 2566 คำมั่นสัญญาดังกล่าวจะเป็นจุดเริ่มต้นของ "หลงอี้สุทธิศูนย์" (Net-zero LONGi) และการจัดตั้งสนามทดสอบแนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน "แสงอาทิตย์เพื่อแสงอาทิตย์" (Solar for Solar) ของบริษัท
ในปี 2564 หลงอี้ได้ออกสมุดปกขาวว่าด้วยการรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นครั้งแรกในการประชุมสุดยอด COP26 โดยระบุว่า บริษัทจะยังคงปฏิบัติตามพันธกิจในการส่งเสริมการดำเนินการตามโครงการริเริ่มระดับนานาชาติทั้งสี่ ได้แก่ RE100, EV100, EP100 และ SBTi
รายงานประจำปี 2564 ยังระบุด้วยว่า ขณะนี้ หลงอี้มีการใช้ไฟฟ้าหมุนเวียนถึง 40.19% ในการดำเนินงานทั่วโลก และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากถึง 1,687,933 ตัน ผ่านโรงงานผลิตไฟฟ้าของตนเอง การจัดซื้อโรงงานผลิตไฟฟ้าของบริษัทอื่น และสัญญาจัดหาพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ในฐานะบริษัทที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในซีอาน เมืองเอกของมณฑลส่านซีทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน หลงอี้ได้บริจาคเงินจำนวน 10 ล้านหยวนให้แก่รัฐบาลท้องถิ่นเพื่อต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโควิด-19 นอกจากนี้ บริษัทยังได้บริจาคเงินจำนวน 15 ล้านหยวนให้แก่ประชาชนในมณฑลเหอหนาน เพื่อบรรเทาสาธารณภัยหลังเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่
ในอนาคต หลงอี้จะยังคงพัฒนากลยุทธ์ความเป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์ของตนต่อไป โดยยึดการสร้างมูลค่าให้แก่ลูกค้าเป็นจุดเริ่มต้น บริษัทจะขับเคลื่อนนวัตกรรมทางเทคโนโลยีด้วยเป้าหมายที่จริงจัง และทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อลดต้นทุนผลิตภัณฑ์ ยกระดับประสิทธิภาพและคุณภาพ สานต่อการลงทุนเพื่อการวิจัยและพัฒนาอย่างเต็มที่ และส่งมอบผลลัพธ์มูลค่าสูงให้แก่ลูกค้าทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง
หมายเหตุ: ตัวเลขทางการเงินในรายงานใช้สกุลเงินหยวน (CNY)