 |
โคโรนาเปิดตัวเครื่องดื่มอัดลมชนิดใหม่พร้อมกลิ่นอายของน้ำผลไม้แท้ ๆ * ทั่วโลก
ลอนดอน--10 พ.ค.--พีอาร์นิวส์ไวร์
วันนี้ โคโรนา (Corona) แบรนด์ระดับโลกของบริษัทแอนไฮเซอร์-บุช อินเบฟ (Anheuser-Busch InBev) หรือเอบีอินเบฟ (AB InBev) ประกาศเปิดตัวโคโรนา ทรอปิคอล (Corona Tropical) ซึ่งเป็นน้ำอัดลมผสมแอลกอฮอล์รุ่นแรกของแบรนด์ที่ผสมกลิ่นอายของน้ำผลไม้แท้ ๆ * โดยวางจำหน่ายไปทั่วโลก โคโรนา ทรอปิคอล คือเครื่องดื่มที่เหมาะสำหรับผู้บริโภคทุกคนที่ชื่นชอบวิถีชีวิตแบบโคโรนา แต่กำลังมองหาทางเลือกอื่นนอกเหนือจากเบียร์ โดยเป็นวิธีการอันสดใหม่ที่จะทำให้ทุกท่านสามารถเพลิดเพลินไปกับโคโรนา นวัตกรรมใหม่ล่าสุดจากโคโรนาปัจจุบันเปิดตัวไปทั่วโลกทั้งในจีน โคลอมเบีย เปรู ปานามา เอกวาดอร์ และสหราชอาณาจักร โดยจะเปิดตัวในตลาดอื่น ๆ เพิ่มเติมต่อไปในปลายปีนี้ โดยเริ่มต้นจากแคนาดา
ข้อมูลจากเว็บไซต์รีเสิร์ชแอนด์มาร์เก็ตส์ (Research and Markets) ระบุว่า ขนาดของตลาดน้ำอัดลมผสมแอลกอฮอล์ทั่วโลกมีแนวโน้มขยายตัวในอัตรา 12% ต่อปีในช่วงไม่กี่ปีข้างหน้า ในขณะที่ผู้บริโภคทั่วโลกมองหาเครื่องดื่มทางเลือกที่มีแคลอรีต่ำ โคโรนาได้รังสรรค์ผลิตภัณฑ์สำหรับผู้บริโภคที่ค้นหาไลฟ์สไตล์ของโคโรนาที่นอกเหนือไปจากเบียร์ โคโรนา ทรอปิคอล เป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ให้ความสดชื่นโดยไม่เติมน้ำตาลและให้พลังงานน้อยกว่า 100 แคลอรีต่อกระป๋อง มีให้เลือกหลายรสชาติ ด้วยโคโรนา ทรอปิคอล โคโรนาเดินหน้าขยายผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มทั่วโลกเพื่อนำเสนอรสชาติแห่งสรวงสวรรค์ใหม่ล่าสุดที่แสนสดชื่น โดยพัฒนาหมวดหมู่ที่ไม่รู้จักอย่างสมบูรณ์ในบางตลาดทั่วโลก
"โคโรนาเป็นแบรนด์ที่เกิดจากเขตร้อน และในขณะที่เราสนับสนุนให้ผู้บริโภคเปิดรับไลฟ์สไตล์จากทั่วโลก เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะนำเสนอเครื่องดื่มโคโรนารูปแบบใหม่ให้กับผู้ที่รักแบรนด์นี้ แต่กำลังมองหาทางเลือกอื่นนอกเหนือจากเบียร์" เฟลิเป้ อัมบรา (Felipe Ambra) รองประธานระดับโลกของโคโรนา กล่าว "ภารกิจของเราคือการนำสรวงสวรรค์มาสู่ทุกคนในทุกที่ และนวัตกรรมใหม่ล่าสุดของเราก็ทำเช่นนั้น เรารังสรรค์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีรสชาติมากขึ้นและเข้าถึงได้ง่ายยิ่งขึ้น เพื่อให้ทุกคนได้เพลิดเพลินไปกับความรู้สึกของสรวงสวรรค์ในแบบฉบับโคโรนา"
นอกจากนี้ เพื่อตอกย้ำถึงรสชาติที่เป็นธรรมชาติจากน้ำผลไม้แท้ ๆ * โคโรนาจะติดป้ายโฆษณาผลไม้จริงในบางเมือง เริ่มจากกรุงลอนดอน ก่อนจะขยายไปทั่วโลกในเดือนพฤษภาคม เพื่อให้คนในท้องถิ่นได้ดื่มด่ำทั้งรสชาติและสัมผัสถึงสรวงสวรรค์สไตล์ทรอปิคอล โดยป้ายโฆษณาผลไม้จริงจะช่วยให้ลูกค้าสามารถเลือกผลไม้จากโฆษณาได้โดยตรง และได้ลิ้มลองตัวอย่างของโคโรนา ทรอปิคอลในโอเอซิสเขตร้อนที่ผ่อนคลายในพื้นที่ใกล้เคียง นอกจากนี้ ผู้บริโภคโคโรนา ทรอปิคอลที่โชคดีบางคนจะมีโอกาสได้เพลิดเพลินไปกับโคโรนา ทรอปิคอลในครั้งต่อไปที่เกาะโคโรนา อันเป็นจุดหมายปลายทางแห่งสรวงสวรรค์ชั้นยอดที่สัมผัสได้ เพื่อให้คุณหลุดจากโลกแห่งความเป็นจริงได้อย่างแท้จริง และเชื่อมโยงเข้าสู่กับธรรมชาติ แฟนนักดื่มของโคโรนา ทรอปิคอลในตลาดที่เข้าร่วมยังมีโอกาสร่วมลุ้นรางวัลทริปเดินทางของคุณเองและเพื่อนอีกหนึ่งคน โดยแชร์รูปภาพช่วงเวลาที่เพลิดเพลินไปกับโคโรนา ทรอปิคอล ได้บนอินสตาแกรมหรือทวิตเตอร์ พร้อมกดติดตาม @corona และติดแฮชแท็ก #NewCoronaTropical หรือ #NuevaCoronaTropical เพื่อลุ้นรับรางวัล พบกับกิจกรรมสุดพิเศษนี้ได้ในเดือนนี้ในบางตลาด โดยจะมีขึ้นเป็นเวลา 2 สัปดาห์ เริ่มที่สหราชอาณาจักรวันที่ 10 พฤษภาคม
สำหรับในสหราชอาณาจักร โคโรนา ทรอปิคอล มีปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ 4.5% โดยมีให้เลือกสามรสชาติ ได้แก่ รสฝรั่งและมะนาว รสราสเบอร์รีและเลมอน รสเกรปฟรุตและตะไคร้ ส่วนในตลาดลาตินอเมริกา โคโรนา ทรอปิคอล มีปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ 4.2% จำหน่ายในสี่รสชาติ ได้แก่ รสเลมอนและมะนาว รสเกรปฟรุตและมะนาว รสมะม่วงสับปะรดและมะนาว และรสสตรอเบอร์รีเชอร์รีและมะนาว โดยโคโรนา ทรอปิคอลยังมอบความเพลิดเพลินด้วยการเติมมะนาวอันเป็นวิธีการสุดคลาสสิกของโคโรนา โดยราคาจำหน่ายและการให้บริการแตกต่างกันไปตามตลาด
ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโคโรนา ทรอปิคอล ได้ที่ทวิตเตอร์ @corona
*น้ำผลไม้เข้มข้น
เกี่ยวกับโคโรนา โกลบอล
โคโรนาเป็นแบรนด์ผู้ผลิตเบียร์ชั้นนำ มีต้นกำเนิดในประเทศเม็กซิโก และยังเป็นเบียร์เม็กซิกันที่ได้รับความนิยมมากที่สุดทั่วโลก โดยส่งออกไปประเทศต่าง ๆ กว่า 180 ประเทศ โดยเบียร์โคโรนา เอ็กซ์ตรา (Corona Extra) ผลิตขึ้นครั้งแรกในปี 2468 ที่โรงงานผลิตสุราเซร์เบเซริอา โมเดโล (Cervecería Modelo) ในเม็กซิโกซิตี้ โคโรนายังเป็นผู้บุกเบิกอุตสาหกรรมเบียร์ โดยเป็นเจ้าแรกที่ใช้ขวดแก้วใสเพื่อให้เห็นถึงความบริสุทธิ์และคุณภาพที่สูงของเบียร์ นอกจากนี้ ลวดลายงานศิลปะที่โชว์อยู่บนขวดยังมีการลงสี เพื่อย้ำถึงความมุ่งมั่นด้านคุณภาพของบรรจุภัณฑ์และมรดกของชาวเม็กซิกัน เบียร์โคโรนาจะสมบูรณ์ไม่ได้หากปราศจากมะนาว การเติมน้ำมะนาวเพื่อเพิ่มเอกลักษณ์เฉพาะตัว รสชาติ และความสดชื่นเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ อันเป็นองค์ประกอบสำคัญในการสร้างประสบการณ์ที่ไม่ซ้ำใครให้กับโคโรนาอย่างแท้จริง ชื่อแบรนด์ยังเป็นคำพ้องที่มีความหมายเหมือนกับคำว่า การออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้งที่ชายหาดและใช้เวลาสังสรรค์ ที่เชื้อเชิญผู้คนให้หยุดพัก ผ่อนคลาย และเพลิดเพลินกับความสุขที่เรียบง่ายของชีวิต
โคโรนายังมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องในการลดพลาสติกนับตั้งแต่เป็นพันธมิตรกับพาร์ลีย์ ฟอร์ ดิ โอเชียนส์ (Parley for the Oceans) เมื่อปี 2560 โดยทั้งสองฝ่ายได้บรรลุภารกิจในการปกป้องดูแลเกาะ 100 เกาะก่อนปี 2563 และยังคงพยายามขจัดปัญหาขยะทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง
เกี่ยวกับแอนไฮเซอร์-บุช อินเบฟ
แอนไฮเซอร์-บุช อินเบฟ (Anheuser-Busch InBev) เป็นบริษัทมหาชน (Euronext: ABI) ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองลูเวน ประเทศเบลเยียม โดยจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศในเม็กซิโก (MEXBOL: ANB) และแอฟริกาใต้ (JSE: ANH) และมีใบรับฝากหุ้นที่ออกโดยสถาบันการเงินในสหรัฐ (American Depositary Receipts) ในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE: BUD) ในฐานะบริษัทแห่งหนึ่ง เรามีความฝันยิ่งใหญ่ที่จะสร้างอนาคตด้วยเสียงเชียร์ที่ดังขึ้น เรามักมองหาวิธีการใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองช่วงเวลาต่าง ๆ ของชีวิต ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมของเราไปข้างหน้า และสร้างผลกระทบที่มีความหมายต่อโลกอยู่เสมอ เรามุ่งมั่นที่จะสร้างแบรนด์ยอดเยี่ยมที่รักษาคุณค่าเหนือกาลเวลาและการผลิตเบียร์ที่ดีที่สุดโดยใช้ส่วนผสมที่ดีที่สุด ผลงานที่หลากหลายของเราประกอบด้วยแบรนด์เบียร์มากกว่า 500 แบรนด์ รวมถึงแบรนด์ระดับโลกอย่างบัดไวเซอร์ (Budweiser®), โคโรนา (Corona®) และสเตลลา อาทัวส์ (Stella Artois®) แบรนด์ที่จำหน่ายในหลายประเทศอย่างเบ็คส์ (Beck's®), โฮการ์เด้น (Hoegaarden®), เลฟ (Leffe®) และมิเคลอป อัลตรา (Michelob ULTRA®) และแชมป์ท้องถิ่นอย่างอากีลา (Aguila®), แอนตาร์ติกา (Antarctica®), บัด ไลท์ (Bud Light®), บราห์มา (Brahma®), แคส (Cass®), คาสเซิล (Castle®), คาสเซิล ไลท์ (Castle Lite®), คริสตอล (Cristal®), ฮาร์บิน (Harbin®), จูปิเลอร์ (Jupiler®), โมเดโล เอสเปเชียล (Modelo Especial®), ควิลเมส (Quilmes®), วิคตอเรีย (Victoria®), เซดริน (Sedrin®), และสกอล (Skol®) มรดกด้านการผลิตเบียร์ของเรามีอายุมากกว่า 600 ปี ครอบคลุมหลายทวีปและหลายชั่วอายุคน จากรากฐานในยุโรปที่โรงเบียร์เดน ฮูร์น (Den Hoorn) ในเมืองลูเวน ประเทศเบลเยียม สู่จิตวิญญาณแห่งการบุกเบิกโรงเบียร์แอนไฮเซอร์ แอนด์ โค (Anheuser & Co) ในเมืองเซนต์หลุยส์ของสหรัฐ สู่การก่อตั้งโรงเบียร์คาสเซิล บริวเวอรี่ (Castle Brewery) ในแอฟริกาใต้ในช่วงยุคตื่นทองในเมืองโจฮันเนสเบิร์ก สู่โรงเบียร์โบฮีเมีย (Bohemia) ซึ่งเป็นโรงเบียร์แห่งแรกในบราซิล ทั้งนี้ เรามีความหลากหลายทางภูมิศาสตร์และเปิดตัวอย่างสมดุลในตลาดที่พัฒนาแล้วและกำลังพัฒนา โดยใช้ประโยชน์จากจุดแข็งส่วนรวมของพนักงานประมาณ 169,000 คนในเกือบ 50 ประเทศทั่วโลก ซึ่งเอบี อินเบฟได้รายงานรายได้ไว้ที่ 5.43 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ไม่รวมการร่วมลงทุนและหุ้นส่วน) ในปี 2564
รูปภาพ - https://mma.prnasia.com/media2/1813427/Corona_Tropical.jpg?p=medium600
โลโก้ - https://mma.prnasia.com/media2/1813428/Corona_Tropical_Logo.jpg?p=medium600
