ปักกิ่ง--1 กรกฎาคม 2565--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์
"คนหนุ่มสาวในฮ่องกงไม่ควรถูกตีกรอบอยู่แต่ในฮ่องกง เราควรได้เห็นภาพรวมของแผ่นดินแม่ทั้งหมด" คุณซาง อี้ ผู้ประกอบการรุ่นใหม่จากฮ่องกง กล่าว
คุณอี้ ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทแฮกเกอร์สเปซแห่งหนึ่งในเมืองเซินเจิ้นทางตอนใต้ของจีน กล่าวกับสถานีโทรทัศน์ซีจีทีเอ็น (CGTN) ว่า เขาหวังที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้คนหนุ่มสาวในฮ่องกงหันมาทำงานในเขตอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า (Greater Bay Area) โดยกล่าวว่า "นี่เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับคนหนุ่มสาวจากฮ่องกงในการเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาประเทศและตระหนักถึงคุณค่าของชีวิต"
เนื่องจากตลาดงานในฮ่องกงได้รับแรงกดดันมหาศาลท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิด-19 คนรุ่นใหม่ในฮ่องกงจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ จึงหันไปหาเมืองต่าง ๆ ในเขตอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า เพื่อทำความฝันให้เป็นจริง
รัฐบาลเขตบริหารพิเศษฮ่องกงได้เปิดตัวโครงการจ้างงานเยาวชนในเขตอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า เมื่อปีที่แล้ว ส่งผลให้บัณฑิตเกือบ 1,100 คนในฮ่องกงได้ทำงานกับองค์กรกว่า 400 แห่งเขตนี้
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ได้แสดงความเป็นห่วงเป็นใยเกี่ยวกับความเป็นอยู่ของชาวฮ่องกงมากกว่า 7 ล้านคน โดยเขาใส่ใจการเติบโตของเยาวชนฮ่องกงเป็นพิเศษ
"เมื่อคนหนุ่มสาวเจริญรุ่งเรือง ฮ่องกงก็เจริญรุ่งเรือง เมื่อคนหนุ่มสาวเติบโต ฮ่องกงก็เติบโต เมื่อคนหนุ่มสาวมีอนาคต ฮ่องกงก็มีอนาคต" นายสี จิ้นผิง กล่าวในการประชุมเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 25 ปี ฮ่องกงกลับคืนสู่มาตุภูมิ และพิธีเปิดสมัยประชุมรัฐบาลเขตบริหารพิเศษฮ่องกง สมัยที่ 6
นอกจากนี้ นายสี จิ้นผิง ยังเรียกร้องให้สร้างโอกาสมากขึ้นเพื่อให้คนหนุ่มสาวในฮ่องกงได้เติบโตและเฉิดฉาย โดยควรพยายามช่วยให้คนหนุ่มสาวเอาชนะความยากลำบาก กระตือรือร้นกับแนวโน้มที่เกิดขึ้นทั้งในประเทศและทั่วโลก และเพิ่มความรู้สึกภูมิใจในชาติของตนเอง
คว้าโอกาสในเขตอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า
ผลสำรวจล่าสุดโดยสหพันธ์เยาวชนแห่งฮ่องกง (Hong Kong Federation of Youth Groups) แสดงให้เห็นว่า 64% ของผู้ตอบแบบสอบถามต้องการเข้าร่วมโครงการทำงานหรือฝึกงานในเขตอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า
ปัจจัยที่ดึงดูดหนุ่มสาวชาวฮ่องกงมากที่สุดคือ โอกาสที่จะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ขนาดของตลาด การสร้างเครือข่ายทางสังคม และโอกาสในการฝึกงาน โดยอยู่ที่ระดับ 84.1%, 84%, 70.7% และ 70.4% ตามลำดับ
การส่งเสริมการพัฒนาเขตอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า ถือเป็นส่วนสำคัญภายใต้วิสัยทัศน์สำหรับเขตบริหารพิเศษฮ่องกงของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และได้รับการยกย่องว่าเป็นจุดที่ดีที่สุดสำหรับฮ่องกงในการเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาโดยรวมของประเทศจีน
เขตอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า ประกอบด้วยสองเขตบริหารพิเศษอย่างฮ่องกงและมาเก๊า รวมถึง 9 เมืองในมณฑลกวางตุ้ง มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 56,000 ตารางกิโลเมตร และครอบคลุมประชากรจีนราว 6%
"เขตอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า ครอบคลุมพื้นที่ศุลกากรสามแห่งในหนึ่งประเทศที่มีระบบสังคมสองระบบและใช้สามสกุลเงินที่แตกต่างกัน สิ่งนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในโลก" ประธานาธิบดีจีนกล่าว
ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของเขตอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า แตะที่ 12.6 ล้านล้านหยวน (1.97 ล้านล้านดอลลาร์) ในปีที่แล้ว เพิ่มขึ้น 2.4 ล้านล้านหยวนจากปี 2560 และแม้ว่าจะมีผืนดินไม่ถึง 1% ของทั้งหมดทั่วประเทศ แต่เขตอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า กลับสร้างจีดีพีคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 12% ของทั้งประเทศ
เสริมแกร่งสถานะอันโดดเด่นของฮ่องกง
จีนได้ประกาศแผนพัฒนาระยะ 5 ปี ฉบับที่ 14 (พ.ศ. 2564-2568) เมื่อปีที่แล้ว โดยเป็นพิมพ์เขียวและวาระการดำเนินงานเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศในอีก 5 ปีข้างหน้า ซึ่งการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมฮ่องกงก็เป็นส่วนสำคัญของแผนดังกล่าว
แผนพัฒนาระยะ 5 ปี ฉบับที่ 14 ยังคงสนับสนุนความพยายามของฮ่องกงในการยกระดับสถานะของตนในฐานะศูนย์กลางทางการเงิน การค้า และการขนส่งระหว่างประเทศ ตลอดจนเสริมสร้างสถานะให้เป็นศูนย์กลางธุรกิจเงินหยวนนอกจีนแผ่นดินใหญ่ระดับโลก ศูนย์กลางการบริหารจัดการสินทรัพย์ระดับนานาชาติ และศูนย์กลางการจัดการความเสี่ยง
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นายสี จิ้นผิง ได้เน้นย้ำว่ารัฐบาลกลางให้การสนับสนุนฮ่องกงอย่างเต็มที่ในการรักษาสถานะอันโดดเด่นในระยะยาว พร้อมกับเรียกร้องให้รัฐบาลชุดใหม่ของฮ่องกงทำตามความคาดหวังของประชาชน และให้ความสำคัญสูงสุดกับการตอบสนองความต้องการของประชาชน
"ผลประโยชน์พื้นฐานของฮ่องกงสอดคล้องกับผลประโยชน์พื้นฐานของประเทศ หัวใจของรัฐบาลกลางและหัวใจของเพื่อนร่วมชาติในฮ่องกงต่างเต้นเป็นจังหวะเดียวกัน" เขากล่าวเสริม
นับตั้งแต่กลับคืนสู่มาตุภูมิในปี 2540 ฮ่องกงที่อยู่ภายใต้หลักการ "หนึ่งประเทศ สองระบบ" และมีความเป็นอิสระในระดับสูง ได้เดินหน้าเสริมแกร่งสถานะของตนในฐานะศูนย์กลางการเงินระดับนานาชาติและศูนย์กลางการค้าระดับโลก โดยได้รับการจัดอันดับอย่างสม่ำเสมอจากสถาบันระดับโลกว่าเป็นหนึ่งในเศรษฐกิจที่มีความเสรีและมีความสามารถในการแข่งขันสูงสุด ด้วยสภาพแวดล้อมทางธุรกิจระดับโลก
ในช่วงท้ายของการกล่าวสุนทรพจน์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นายสี จิ้นผิง ได้แสดงความเชื่อมั่นว่า ด้วยการสนับสนุนอย่างเข้มแข็งจากแผ่นดินแม่ และการปฏิบัติตามหลักการ "หนึ่งประเทศ สองระบบ" อย่างแข็งขัน ฮ่องกงจะบรรลุความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิมอย่างแน่นอน