สิงคโปร์--25 กรกฎาคม 2565--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์
ในระหว่างการประชุมสุดยอด หัวเว่ย อินเทลลิเจนท์ ไฟแนนซ์ ซัมมิต ประจำปี 2565 (Huawei Intelligent Finance Summit 2022) หัวเว่ยได้นำเสนอโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลทางการเงินแบบหลายโดเมน มีประสิทธิภาพ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเป็นอิสระ หรือ "MEGA" (Multi-domain collaborative, Efficient, Green, and Autonomous) พร้อมกับนำเสนอโซลูชันอีกมากมายที่จะช่วยพลิกโฉมอุตสาหกรรมการเงินสู่ระบบดิจิทัล
โครงสร้างพื้นฐาน MEGA คือเทรนด์ระดับโลกสำหรับแวดวงการเงิน
ท่ามกลางกระแสการเงินแบบเชื่อมต่อเต็มรูปแบบ อัจฉริยะเต็มรูปแบบ และครอบคลุมทุกสถานการณ์ นวัตกรรมดิจิทัลคือกุญแจสำคัญสำหรับการเติบโตทางเศรษฐกิจ ความยืดหยุ่นในการดำเนินงาน และความยั่งยืน ซึ่งเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลทั่วโลก ขณะเดียวกัน ประสบการณ์ดิจิทัลของผู้ใช้และนวัตกรรมทางธุรกิจก็กำลังเร่งให้เกิดการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลในอุตสาหกรรมการเงิน
ดร. มาร์กาเร็ต หู (Dr. Margaret Hu) ประธานฝ่ายการตลาดและการขายโซลูชันของหัวเว่ย โกลบอล ดิจิทัล ไฟแนนซ์ (Huawei Global Digital Finance) กล่าวว่า "ในส่วนของการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัลและระบบอัจฉริยะในอุตสาหกรรมการเงินนั้น หัวเว่ยจะทำงานร่วมกับพันธมิตรเพื่อรับมือกับความท้าทายที่รออยู่ข้างหน้า และช่วยเหลือภาคการเงินในการวางโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล MEGA"
MEGA คือโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลแบบหลายโดเมน มีประสิทธิภาพ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเป็นอิสระ หัวเว่ยเชื่อว่าทิศทางของ MEGA มีความสำคัญต่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลทางการเงินในยุคใหม่ โดยในการวางโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล MEGA จะมีการยกระดับการประมวลผล การจัดเก็บ และการเชื่อมต่อ เพื่อช่วยให้บรรดาสถาบันการเงินสามารถให้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง มีความพร้อมสูง และมีสมรรถนะสูง ผ่านความร่วมมือในการย้ายระบบไปไว้บนคลาวด์ ความร่วมมือข้ามโดเมน และความร่วมมือหลากหลายส่วน
คุณนิโคลัส หม่า (Nicholas Ma) ประธานกลุ่มธุรกิจเอ็นเตอร์ไพรส์ประจำเอเชียแปซิฟิกของหัวเว่ย กล่าวว่า "ในการสร้างสรรค์การเงินดิจิทัลที่ชาญฉลาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เราจะก้าวหน้าเร็วขึ้นก็ต่อเมื่อมีการสร้างความร่วมมือในระบบนิเวศอย่างมั่นคงและยั่งยืน เราจะยกระดับความร่วมมือในระบบนิเวศร่วมกับพันธมิตรทั่วโลกเพื่อตอบสนองความต้องการด้านดิจิทัลของอุตสาหกรรมการเงิน โดยอาศัยความสามารถด้านการวิจัย โซลูชันที่เปี่ยมด้วยนวัตกรรม แพลตฟอร์มเทคโนโลยี และหัวเว่ย คลาวด์ ของเรา"
หัวเว่ยเผยโฉมโซลูชันโครงสร้างพื้นฐาน MEGA นำนวัตกรรมขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล
หัวเว่ยมุ่งนำเทคโนโลยีและขีดความสามารถด้านนวัตกรรมมาใช้ โดยทำงานร่วมกับพันธมิตรในการพัฒนาโซลูชันโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่มีความล้ำหน้า
- โซลูชันการประสานงานการจัดเก็บ-การเชื่อมต่อออปติคอล (Storage-Optical Connection Coordination หรือ SOCC) ตัวแรกของอุตสาหกรรม: การผสานกันระหว่างการตรวจจับความขัดข้องบนสื่อส่งข้อมูลแบบออปติคอลในระดับมิลลิวินาทีกับอัลกอริทึมสับเปลี่ยนสตอเรจที่รวดเร็ว ช่วยลดเวลาสลับช่องทางระบบรับและแสดงผล (I/O) จาก 120 วินาที เหลือเพียง 2 วินาที เมื่อสื่อส่งข้อมูลเกิดความขัดข้อง ทำให้ความขัดข้องของธุรกรรมเป็นศูนย์และให้บริการออนไลน์ได้ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมงสำหรับลูกค้าภาคการเงิน
- โซลูชันควบคุมหลายโดเมน (Multi-Domain Controller หรือ MDC): การที่คลาวด์สาธารณะ คลาวด์ส่วนตัว และศูนย์ข้อมูลดั้งเดิมของลูกค้าภาคการเงินถูกแยกออกจากกัน ทำให้แผนกต่าง ๆ เผชิญกับความยากลำบากในการประสานงานเรื่องการเดินระบบและซ่อมบำรุงเครือข่าย โซลูชัน MDC ทำหน้าที่ตรวจสอบรับรองแบบจำลองทั่วเครือข่ายและเปิดโอกาสให้ตั้งค่าได้ในคลิกเดียว ช่วยลดเวลาในการเปลี่ยนเครือข่ายจากหลักวันเหลือเพียงหลักนาที
- หน่วยเก็บข้อมูลที่หลอมรวมกัน (Converged Storage Pool): เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่มองหาสภาพแวดล้อมหลายรูปแบบ ข้อมูลทั้งหมดจากอุปกรณ์จริง อุปกรณ์เสมือน คอนเทนเนอร์ หรือคลาวด์สาธารณะ จะรวมไว้ในแหล่งข้อมูลหนึ่งเดียว และบริหารจากส่วนกลางโดยใช้กลไกบริหารจัดการข้อมูล (DME) ของหัวเว่ย โซลูชันนี้ผสานรวมทรัพยากรข้อมูล โดยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากรรวมจาก 40% เป็น 70% และช่วยลดต้นทุนการเป็นเจ้าของ (TCO) ลงได้ถึง 30%
- การปกป้องข้อมูลที่วางใจได้: ในกรณีที่ต้องรับมือกับไวรัสและแรนซัมแวร์ โซลูชันของหัวเว่ยผสานรวมไฟร์วอลล์ ระบบการผลิตแบบออลแฟลช และระบบสำรองแบบออลแฟลชเข้าด้วยกัน เพื่อให้การปกป้องอย่างครบวงจร ตั้งแต่การตรวจจับ ป้องกัน และแยกไวรัส ไปจนถึงการกู้คืนข้อมูล ส่งผลให้อัตราการตรวจจับไวรัสเพิ่มจาก 99.5% เป็น 99.9% ขณะเดียวกันก็ลดเวลาสำรองข้อมูลและกู้คืนได้ถึง 5 เท่า โซลูชันนี้สามารถป้องกันการโจมตีจากไวรัส เช่น แรนซัมแวร์ ทั้งยังมอบความมั่นคงปลอดภัยในการให้บริการทางการเงินอีกด้วย
- หัวเว่ยทำงานกับเนทิส (Netis) เพื่อร่วมพัฒนาโซลูชันเดินระบบและบำรุงรักษา (O&M) อัจฉริยะในระดับบริการสำหรับอุตสาหกรรมการเงิน เพื่อรับมือกับปัญหาท้าทายต่าง ๆ ในระบบไอที โดยโซลูชันดังกล่าวทำให้มองเห็นการทำ O&M ในส่วนของบริการ การใช้งาน ระบบคลาวด์ ดาต้าเซ็นเตอร์ เครือข่าย และอุปกรณ์ต่าง ๆ ตั้งแต่ต้นจนจบ ครอบคลุมจุดเชื่อมต่อทั้งหมด
- หัวเว่ยและทงดวน (Tongdun) ร่วมกันพัฒนาโซลูชันรองรับการตัดสินใจเรื่องความเสี่ยง (Intelligent Risk Decision): ผสานรวมกลไกการตัดสินใจและขีดความสามารถในการบริหารจัดการแบบจำลองระดับแถวหน้าของทงดวน เข้ากับหัวเว่ย คลาวด์ (Huawei Cloud) ร่วมด้วยเทคโนโลยีข้อมูลและเอไอชั้นนำ เช่น Hetu, DGC, Lakehouse และ GES โดยโซลูชันนี้ช่วยลูกค้าภาคการเงินเพิ่มประสิทธิภาพในการตัดสินใจได้กว่า 70% ในกรณีต่าง ๆ เช่น การต่อต้านการทุจริตและจัดอันดับเครดิต โดยเวลาตอบสนองเฉลี่ยในกรณีสเกลใหญ่ ๆ ที่เกิดในเวลาเดียวกันนั้นอยู่ที่ไม่ถึง 50 มิลลิวินาที นอกจากนั้นยังมาพร้อมกับกฎเกณฑ์และแบบจำลองในตัว ทำให้เดินระบบได้อย่างรวดเร็วและจัดการปัญหาท้าทายในการให้บริการได้
นับจนถึงปัจจุบัน หัวเว่ยให้บริการลูกค้าภาคการเงินรวมกว่า 2,000 ราย ในกว่า 60 ประเทศและดินแดน โดยลูกค้า 49 รายในจำนวนนี้ติดอันดับธนาคารชั้นนำ 100 แห่งของโลก