ปักกิ่ง--4 พฤศจิกายน 2565--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้พบกับนายมูฮัมหมัด เชห์บาซ ชารีฟ นายกรัฐมนตรีปากีสถาน ณ มหาศาลาประชาชนในกรุงปักกิ่ง โดยนายชารีฟเป็นหนึ่งในผู้นำต่างชาติกลุ่มแรกที่เดินทางมาเยือนจีนหลังปิดฉากการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน ครั้งที่ 20
นายสี จิ้นผิง กล่าวว่า จีนพร้อมที่จะทำงานร่วมกับปากีสถานเพื่อยกระดับความร่วมมือเชิงกลยุทธ์รอบด้าน รวมถึงเร่งความพยายามในการสร้างประชาคมจีน-ปากีสถานที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นและมีอนาคตร่วมกันในยุคใหม่ ตลอดจนเพิ่มแรงผลักดันใหม่ ๆ ในความเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ทุกสถานการณ์
หลังจากนำเสนอผลลัพธ์ที่สำคัญของการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน ครั้งที่ 20 ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้เน้นย้ำว่า จีนจะดำเนินนโยบายพื้นฐานในการเปิดประเทศต่อไป พร้อมมอบโอกาสใหม่ ๆ ให้แก่ปากีสถานและประเทศอื่น ๆ ทั่วโลกผ่านการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยจีนจะประสานพลังระหว่างยุทธศาสตร์การพัฒนาของจีนกับปากีสถานอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น
นายสี จิ้นผิง ชี้ให้เห็นว่า เมื่อเผชิญกับสถานการณ์โลกที่มีความไม่แน่นอนอย่างมาก ทั้งสองฝ่ายควรยืนหยัดอยู่ในฝั่งที่ถูกต้องของประวัติศาสตร์ รักษาความร่วมมือที่แข็งแกร่งภายใต้กลไกพหุภาคี ตลอดจนทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดในประเด็นสำคัญระหว่างประเทศและระดับภูมิภาค เพื่อรักษาระบบพหุภาคีที่แท้จริง ความเท่าเทียมและความยุติธรรมระหว่างประเทศ รวมถึงผลประโยชน์ร่วมกันของประเทศกำลังพัฒนา พร้อมกับสร้างความแน่นอนและพลังบวกให้แก่โลก
แถลงการณ์ร่วมหลังการประชุมทวิภาคีระบุว่า ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนมุมมองเชิงลึกเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทวิภาคี ตลอดจนสถานการณ์ในภูมิภาคและภูมิทัศน์ทางการเมืองระหว่างประเทศ ขณะเดียวกัน ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องต้องกันเกี่ยวกับความสำคัญของความเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ทุกสถานการณ์ระหว่างจีนกับปากีสถานท่ามกลางสถานการณ์ความท้าทายที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก การพบกันครั้งนี้เต็มไปด้วยความอบอุ่น ความไว้วางใจซึ่งกันและกัน และความเห็นที่สอดคล้องกัน
นายชารีฟกล่าวว่า เขารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เป็นผู้นำต่างชาติกลุ่มแรกที่มาเยือนจีนหลังปิดฉากการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน ครั้งที่ 20 ที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม ซึ่งถือเป็นหลักชัยใหม่ โดยการเดินทางเยือนจีนครั้งนี้เป็นบทพิสูจน์ถึงมิตรภาพที่ลึกซึ้งและเหนียวแน่นระหว่างปากีสถานกับจีน
นายชารีฟกล่าวว่า ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ภายใต้การนำของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง จีนได้สร้างปาฏิหาริย์แห่งความสำเร็จในการพัฒนาที่ยิ่งใหญ่ จีนยึดมั่นในระบบพหุภาคี ส่งเสริมความเป็นปึกแผ่นและความร่วมมือของทั่วโลก และมีส่วนสำคัญในการรักษาสันติภาพและการพัฒนาโลก ซึ่งการกระทำเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าจีนได้แสดงความรับผิดชอบในฐานะประเทศใหญ่
นายเฉียน เฟิง (Qian Feng) ผู้อำนวยการแผนกวิจัยของสถาบันยุทธศาสตร์ชาติแห่งมหาวิทยาลัยชิงหัว ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์โกลบอล ไทมส์ (Global Times) ว่า "การที่นายชารีฟเป็นผู้นำต่างชาติกลุ่มแรกที่มาเยือนจีนหลังปิดฉากการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน ครั้งที่ 20 ไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างทั้งสองฝ่ายเท่านั้น แต่ยังเป็นการพิสูจน์อีกครั้งว่าประชาคมโลกมีมุมมองบวกต่อการพัฒนาของจีนในอนาคต และเต็มใจที่จะกระชับความสัมพันธ์กับจีน"
นายชารีฟกล่าวว่า ปากีสถานสนับสนุนอย่างเต็มที่ต่อแผนการพัฒนาโลก (Global Development Initiative หรือ GDI) และแผนความมั่นคงโลก (Global Security Initiative หรือ GSI) ที่นำเสนอโดยประธานาธิบดี สี จิ้นผิง และจะยกระดับการสื่อสารและความร่วมมือกับจีนในส่วนของกิจการระหว่างประเทศและระดับภูมิภาค เพื่อสร้างคุณูปการต่อสันติภาพและการพัฒนาโลก "มิตรภาพระหว่างปากีสถานกับจีนไม่มีวันแตกสลาย และปากีสถานจะยืนหยัดอย่างมั่นคงเคียงข้างจีนเสมอ" นายกรัฐมนตรีปากีสถานกล่าว
นายเฉียนกล่าวว่า ภายใต้โครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt and Road Initiative หรือ BRI) จีนได้ให้ความช่วยเหลือปากีสถานในการแก้ปัญหาคอขวดสองประการที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของปากีสถาน นั่นคือ โครงสร้างพื้นฐานและการขาดแคลนแหล่งพลังงาน โดยในระยะแรกของโครงการระเบียงเศรษฐกิจจีน-ปากีสถาน (China-Pakistan Economic Corridor หรือ CPEC) ได้มีการวางรากฐานที่มั่นคงและสร้างแพลตฟอร์มสำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจของปากีสถานในขั้นตอนต่อไป
"การประสานงานเชิงกลยุทธ์ที่ใกล้ชิดและมีประสิทธิภาพระหว่างจีนกับปากีสถานเป็นตัวอย่างของความร่วมมือระหว่างประเทศและส่งข้อความที่ชัดเจนไปทั่วโลกว่า ประเทศที่มีระบบสังคม เชื้อชาติ อารยธรรม และระดับของการพัฒนาที่แตกต่างกัน ยังคงสามารถบรรลุความร่วมมือที่เป็นผลดีต่อทั้งสองฝ่าย" นายเฉียนกล่าว
ผู้นำจีนกล่าวว่า ทั้งสองฝ่ายจะใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่จากคณะกรรมการประสานงานร่วมของระเบียงเศรษฐกิจจีน-ปากีสถาน ตลอดจนพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจจีน-ปากีสถานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และทำให้เป็นแบบอย่างของความร่วมมือคุณภาพสูงภายใต้โครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง
ประธานาธิบดีจีนกล่าวว่า จีนจะทำงานร่วมกับปากีสถานเพื่อขยายความร่วมมือด้านเศรษฐกิจดิจิทัล อีคอมเมิร์ซ เซลล์แสงอาทิตย์ และเทคโนโลยีพลังงานใหม่อื่น ๆ ตลอดจนดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อยกระดับความร่วมมือด้านการเกษตร วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และความเป็นอยู่ของประชาชน
นอกจากนี้ จีนจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อสนับสนุนปากีสถานในการรักษาเสถียรภาพทางการเงิน โดยจีนได้สนับสนุนให้มณฑลต่าง ๆ ที่มีอุตสาหกรรมแข็งแกร่ง จับคู่กับคู่ค้าในปากีสถานเพื่อพัฒนาความร่วมมือเชิงอุตสาหกรรม และหวังว่าฝ่ายปากีสถานจะสร้างสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เอื้ออำนวย
แถลงการณ์ร่วมระบุว่าระเบียงเศรษฐกิจจีน-ปากีสถาน จะครบรอบสิบปีในปี 2566 และทั้งสองฝ่ายได้แสดงความพึงพอใจต่อบทบาทของระเบียงเศรษฐกิจจีน-ปากีสถาน ในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของทั้งสองประเทศ
ทั้งสองฝ่ายยังระบุด้วยว่า การประชุมคณะทำงานร่วมว่าด้วยความร่วมมือและการประสานงานระหว่างประเทศของระเบียงเศรษฐกิจจีน-ปากีสถาน เมื่อไม่นานมานี้ ได้เน้นย้ำว่าระเบียงเศรษฐกิจจีน-ปากีสถาน เป็นเวทีที่เปิดกว้างและครอบคลุม นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังยินดีให้บุคคลภายนอกที่สนใจได้มาร่วมคว้าโอกาสการลงทุนในภาคส่วนสำคัญของระเบียงเศรษฐกิจจีน-ปากีสถาน เช่น อุตสาหกรรม เกษตรกรรม ไอที วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมถึงน้ำมันและก๊าซ
ศาสตราจารย์หลิน หมินหวัง (Lin Minwang) จากสถาบันรัฐศาสตร์ระหว่างประเทศแห่งมหาวิทยาลัยฟูตัน ให้สัมภษาณ์กับหนังสือพิมพ์โกลบอล ไทมส์ ว่า การพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจจีน-ปากีสถาน มีข้อได้เปรียบอย่างชัดเจน นั่นคือ ความไว้เนื้อเชื่อใจกันในระดับสูงระหว่างจีนกับปากีสถาน ซึ่งความเชื่อใจที่ปากีสถานมีให้กับจีนเป็นฉันทามติที่มั่นคงร่วมกันของพรรคการเมืองและกองกำลังหลักทั้งหมด
"เมื่อนายชารีฟก้าวสู่อำนาจช่วงต้นปีนี้ ความร่วมมือระหว่างจีนกับปากีสถานภายใต้ระเบียงเศรษฐกิจจีน-ปากีสถาน ได้มุ่งเน้นไปที่โครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่มากขึ้น รวมถึงการยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนด้วยการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่มีความก้าวหน้ามากขึ้น" ศาสตราจารย์หลินกล่าว
นายชารีฟกล่าวว่า ปากีสถานพร้อมที่จะทำงานร่วมกับจีนเพื่อส่งเสริมความร่วมมือคุณภาพสูงภายใต้โครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางต่อไป และหวังว่าจะได้รับการสนับสนุนที่แข็งแกร่งจากจีนในการปรับปรุงเส้นทางรถไฟเอ็มแอล-1 (ML-1) และโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญอื่น ๆ นอกจากนี้ ปากีสถานจะเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยและทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับสถาบันและบุคลากรของจีน