ปักกิ่ง--7 พฤศจิกายน 2565--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์
ในฐานะมหกรรมแสดงสินค้าระดับนานาชาติงานแรกที่จัดขึ้นหลังปิดฉากการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน ครั้งที่ 20 งานแสดงสินค้านำเข้านานาชาติจีน (China International Import Expo หรือ CIIE) ครั้งที่ 5 จะรับบทบาทสำคัญอีกครั้งในการช่วยให้โลกเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับการเปิดกว้างที่มีมาตรฐานสูงและแนวทางที่เอื้อประโยชน์ต่อทุกฝ่ายของจีน
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้ตอกย้ำถึงรายงานที่นำเสนอในการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน ครั้งที่ 20 โดยเน้นย้ำคำมั่นสัญญาของจีนในการส่งเสริมการเปิดกว้างที่มีมาตรฐานสูง
"การเปิดกว้างคือแรงผลักดันสำคัญเบื้องหลังความก้าวหน้าของอารยธรรมมนุษย์ และเป็นเส้นทางสู่ความมั่งคั่งและการพัฒนาโลก" นายสี จิ้นผิง กล่าวในพิธีเปิดงานแสดงสินค้านำเข้านานาชาติจีน ครั้งที่ 5 ผ่านทางวิดีโอ
งานแสดงสินค้านำเข้านานาชาติจีนในปีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 5-10 พฤศจิกายนที่นครเซี่ยงไฮ้อันเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของจีน และคาดว่าจะต้อนรับผู้เข้าร่วมงานจาก 145 ประเทศ ดินแดน และองค์กรระหว่างประเทศ
การเปิดกว้างทางสถาบัน
นายสี จิ้นผิง กล่าวสุนทรพจน์ว่า จีนจะทำงานร่วมกับทุกประเทศและทุกฝ่ายเพื่อแบ่งปันโอกาสจากการเปิดกว้างทางสถาบัน (Institutional opening-up) โดยความสำคัญของการขยายการเปิดกว้างทางสถาบันได้รับการเน้นย้ำในรายงานที่นำเสนอในการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน ครั้งที่ 20 ในแง่ของการส่งเสริมการเปิดกว้างที่มีมาตรฐานสูงของจีน
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีจีนให้คำมั่นว่าจีนจะขยายการเปิดกว้างทางสถาบันอย่างต่อเนื่องโดยคำนึงถึงกฎระเบียบ ข้อบังคับ การกำกับดูแล และมาตรฐาน
เขากล่าวเสริมว่า จีนจะใช้กลยุทธ์เพื่อปรับปรุงเขตการค้าเสรีนำร่อง เร่งพัฒนาท่าเรือการค้าเสรีไห่หนาน และใช้ประโยชน์จากบทบาทในฐานะเขตนำร่องเพื่อการปฏิรูปและเปิดกว้างอย่างครอบคลุม
บรรดาเขตการค้าเสรีนำร่องในจีนมีอิสระมากขึ้นในการส่งเสริมนวัตกรรมทางสถาบัน (Institutional Innovation) ของประเทศ โดยทั้งหมดใช้กฎหมายการลงทุนจากต่างประเทศเพื่อปรับปรุงระบบส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ ระบบการรายงานข้อมูลการลงทุนจากต่างประเทศ ระบบกำกับดูแลกระบวนการ ตลอดจนคุ้มครองสิทธิ์โดยชอบด้วยกฎหมายและผลประโยชน์ของนักลงทุนต่างชาติ
ยกตัวอย่างเขตการค้าเสรีนำร่องเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นผู้นำในการใช้มาตรการนวัตกรรมทางการเงินเพื่อการปฏิรูปทางสถาบัน โดยรวมถึงการขยายความครอบคลุมของการใช้เงินหยวนข้ามพรมแดนและการจัดตั้งระบบบัญชีการค้าเสรี ซึ่งระบบนี้ได้ถูกนำไปใช้กับเขตการค้าเสรีนำร่องในเมืองเทียนจิน มณฑลกวางตุ้ง และภูมิภาคอื่น ๆ ในจีน
ภายในเวลาไม่ถึง 10 ปีหลังจากที่จีนเปิดตัวเขตการค้าเสรีนำร่องครั้งแรกในเซี่ยงไฮ้เมื่อปี 2556 จำนวนเขตการค้าเสรีนำร่องได้เพิ่มขึ้นเป็น 21 แห่ง โดยมีการสร้างสรรค์นวัตกรรมทางสถาบันรวม 278 รายการและมีการทำซ้ำทั่วประเทศ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ของจีนที่จะเปิดกว้างมากขึ้น
โอกาสสำหรับทุกคน
ผู้จัดงานแสดงสินค้านำเข้านานาชาติจีนระบุว่า บริษัทจากทุกประเทศสมาชิกความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ซึ่งเป็นข้อตกลงการค้าเสรีที่ใหญ่ที่สุดในโลกจนถึงปัจจุบัน จะมีส่วนร่วมในงานแสดงสินค้าครั้งนี้
นอกจากนี้ ประเทศนิการากัว จิบูตี มอริเตเนีย คอโมโรส โมซัมบิก สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก อิรัก และไอซ์แลนด์ จะมาร่วมจัดแสดงสินค้าในนามของประเทศเป็นครั้งแรกตลอดการจัดงาน 6 วัน
ขณะเดียวกัน บริษัททั้งหมด 284 แห่งที่ติดอันดับฟอร์จูน 500 (Fortune 500) จะเข้าร่วมงานจัดแสดงสินค้า โดยบริษัทเกือบ 9 ใน 10 แห่งเคยมาร่วมงานนี้แล้ว
ในงานแสดงสินค้านำเข้านานาชาติจีน 4 ครั้งก่อนหน้านี้มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยี และบริการใหม่มากกว่า 1,500 รายการ โดยคาดว่ามูลค่ากว่า 2.7 แสนล้านดอลลาร์
การพัฒนาของงานในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า "งานแสดงสินค้านำเข้านานาชาติจีนได้กลายเป็นงานแสดงกระบวนทัศน์การพัฒนาใหม่ของจีน เวทีสำหรับการเปิดกว้างที่มีมาตรฐานสูง และสินค้าสาธารณะสำหรับทั่วโลก" นายสี จิ้นผิง กล่าว
นอกจากนี้ เขายังเน้นย้ำว่าจีนจะทำงานร่วมกับทุกประเทศและทุกฝ่ายเพื่อแบ่งปันโอกาสในตลาดจีนที่กว้างใหญ่ ตลอดจนแบ่งปันโอกาสจากความร่วมมือระหว่างประเทศที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
โครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt and Road Initiative หรือ BRI) แสดงให้เห็นว่าความพยายามในการเปิดกว้างของจีนกำลังแบ่งปันโอกาสในการพัฒนาของจีนให้กับทุกคน
จนถึงขณะนี้ จีนได้ลงนามในเอกสารความร่วมมือมากกว่า 200 ฉบับร่วมกับ 149 ประเทศ และ 32 องค์กรระหว่างประเทศภายใต้โครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง และการค้าสินค้าระหว่างจีนกับประเทศต่าง ๆ ในโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางมีมูลค่าราว 12 ล้านล้านดอลลาร์ (ณ เดือนมิถุนายน 2565)
ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง กล่าวสรุปว่า "จีนพร้อมที่จะทำงานร่วมกับทุกประเทศเพื่อส่งเสริมระบบพหุภาคีที่แท้จริง สร้างฉันทามติเพื่อการเปิดกว้างมากขึ้น ร่วมกันเอาชนะอุปสรรคและความท้าทายที่เศรษฐกิจโลกต้องเผชิญ และสร้างความมั่นใจว่าความมุ่งมั่นของเราในการเปิดกว้างจะนำมาซึ่งโอกาสมากมายในการพัฒนาโลก"