เซี่ยงไฮ้--19 ธันวาคม 2565--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์
เมื่อช่วงต้นเดือนธันวาคม นายเกา จีฟ่าน (Gao Jifan) ประธานบริษัท ทรินา โซลาร์ (Trina Solar) ผู้นำระดับโลกด้านเซลล์แสงอาทิตย์และโซลูชันพลังงานอัจฉริยะ ได้เปิดเผยกับเพื่อนร่วมวงการทั่วโลกเกี่ยวกับเส้นทางที่เขามองว่าอุตสาหกรรมเซลล์แสงอาทิตย์กำลังมุ่งหน้าไป
นายเกาพูดคุยเกี่ยวกับเทรนด์เทคโนโลยี n-type, คุณค่าของเซลล์แสงอาทิตย์และโมดูล i-TOPCon ชนิด n-type ขนาด 210 มม., คุณค่าของห่วงโซ่อุตสาหกรรมและระบบนิเวศอุตสาหกรรม รวมถึงวิธีที่ผู้ผลิตเซลล์แสงอาทิตย์ของจีนจะรักษาความสามารถด้านการแข่งขันในตลาด
สิ่งที่นายเกากล่าวต่อที่ประชุมสรุปได้ดังนี้
แนวโน้มอุตสาหกรรม: การผลิตโมดูลประสิทธิภาพสูงชนิด n-type เชิงอุตสาหกรรมเป็นรูปเป็นร่างแล้ว
ในขณะที่อุตสาหกรรมเซลล์แสงอาทิตย์ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โมดูล PERC ก็กำลังเข้าใกล้ขีดจำกัดสูงสุดในด้านประสิทธิภาพ และอุตสาหกรรมก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าต้องการโมดูล n-type มากกว่า เราสามารถพูดได้อย่างมั่นใจว่าในอีก 3-5 ปีข้างหน้า เทคโนโลยี n-type จะเข้ามาแทนที่ p-type ในส่วนของโมดูลประสิทธิภาพสูง และแท้จริงแล้ว การผลิตโมดูล n-type เชิงอุตสาหกรรมกำลังดำเนินไปได้ด้วยดี ปัจจุบัน เซลล์แสงอาทิตย์ n-type ขนาด 210 มม. ที่ผลิตจำนวนมาก มีประสิทธิภาพการแปลงพลังงานเฉลี่ยกว่า 25% และเซลล์แสงอาทิตย์ที่มีประสิทธิภาพการแปลงพลังงาน 26% จะเข้าสู่การผลิตจำนวนมากในเร็ว ๆ นี้
ในปีนี้ โมดูล n-type ขนาด 210 มม. กำลัง 595 วัตต์ และ 690 วัตต์ รวมถึงผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของเรา ได้เปิดตัวไปทั่วโลก โดยมีกำลังสูงขึ้น 75 วัตต์และมีต้นทุนการผลิตไฟฟ้าต่อหน่วยไฟฟ้าปรับเฉลี่ย (LCOE) ต่ำกว่า 1.5% เมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ในตลาด และเราคาดว่าจะมีโมดูลกำลังสูงกว่า 700 วัตต์ในอนาคตอันใกล้นี้
เทคโนโลยีเซลล์แสงอาทิตย์: ผู้ใช้มีความสำคัญและเป็นศูนย์กลางเสมอ
หลักการสำคัญสองประการในการพัฒนาเทคโนโลยีเซลล์แสงอาทิตย์
ประการแรกคือคุณค่าที่ลูกค้าได้รับ ในเรื่องนี้ LCOE เป็นข้อควรพิจารณาที่สำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากต้นทุนอุปกรณ์ประกอบระบบ (BOS) แตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ ทำให้ลูกค้ามีความต้องการที่แตกต่างกัน และเราจัดหาผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าแต่ละราย
ประการที่สองคือคุณค่าของห่วงโซ่อุตสาหกรรม สำหรับโมดูล Vertex ขนาด 210 มม. เทคโนโลยี PERC ซึ่งมีอยู่แล้ว และโมดูลขนาด 210 มม. เทคโนโลยี n-type ที่กำลังจะมาถึงนั้น กุญแจสู่การผลิตเชิงอุตสาหกรรมคือห่วงโซ่อุตสาหกรรมแบบบูรณาการ ตั้งแต่วัตถุดิบไปจนถึงอุปกรณ์สำเร็จรูป และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องคำนึงถึงข้อกำหนดที่เพิ่มมากขึ้น เทคนิคที่ใช้ในการผลิต เช่น เวเฟอร์ วัสดุซิลิคอน เครื่องจักร และอุปกรณ์อื่น ๆ จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง
โมดูลประสิทธิภาพสูงชนิด n-type อาจถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรกในตลาดโดยมีต้นทุน BOS สูงขึ้น เพื่อช่วยเพิ่มมูลค่าสูงสุดให้แก่ลูกค้า
ระบบนิเวศที่ประสานกันช่วยให้เทคโนโลยี n-type ไปถึงจุดคุ้มค่า
เทคโนโลยี n-type เชิงอุตสาหกรรมไม่เพียงต้องอาศัยตัวโมดูลเองเท่านั้น แต่ยังต้องอาศัยการบ่มเพาะและพัฒนาระบบนิเวศห่วงโซ่อุตสาหกรรมทั้งหมดด้วย เซลล์แสงอาทิตย์ i-TOPCon ชนิด n-type เป็นผู้นำด้านกำลังการผลิตด้วยความคุ้มค่าโดยรวมซึ่งเป็นสิ่งที่ลูกค้าชื่นชม เนื่องจากเทคโนโลยีเซลล์แสงอาทิตย์ n-type มีความต้องการสูงขึ้นในส่วนของเวเฟอร์คริสตัลไลน์ซิลิคอน วัสดุซิลิคอน เวเฟอร์ซิลิคอนที่บางลง และโมดูลที่มีอายุการใช้งานยาวนาน ห่วงโซ่อุตสาหกรรมจึงจำเป็นต้องบูรณาการให้ดีขึ้นและมีการประสานงานที่ดีขึ้นระหว่างส่วนต่าง ๆ เพื่อมอบประโยชน์ที่มากขึ้นให้กับทุกฝ่าย
ความเข้ากันได้ของแพลตฟอร์มเทคโนโลยี n-type ขนาด 210 มม. จะช่วยอำนวยความสะดวกในส่วนนี้ โดยอุปกรณ์ใหม่และที่มีอยู่เดิมสามารถเชื่อมต่อและอัปเกรดได้ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญทั้งสำหรับผู้ผลิตและลูกค้า
ความร่วมมือและการเปิดกว้างสู่โลกปลอดคาร์บอน
เซลล์แสงอาทิตย์มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานและการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน หลายประเทศหันมาให้ความสำคัญมากขึ้นกับการยกระดับความปลอดภัยในห่วงโซ่อุปทาน ขณะที่ท้องถิ่นภิวัตน์ (Localization) และโลกาภิวัตน์ (Globalization) ของอุตสาหกรรมเซลล์แสงอาทิตย์ทั่วโลกจะกลายเป็นเทรนด์ที่สำคัญไปพร้อม ๆ กัน ซึ่งส่งผลต่อความก้าวหน้าของอุตสาหกรรมพลังงานใหม่ทั่วโลก
วิธีหนึ่งในการรับมือกับโลกแห่งความไม่แน่นอนและการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องคือการเปิดกว้างและความร่วมมือ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทรินา โซลาร์ ยึดมั่นเสมอมา หลังจากทุ่มเทมาตลอด 25 ปี บริษัทจะยังคงมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงขึ้น จัดหาโซลูชันที่ดียิ่งขึ้น และทำงานร่วมกับพันธมิตรทั่วโลกเพื่อสร้างระบบนิเวศเซลล์แสงอาทิตย์ที่สมบูรณ์และได้รับการพัฒนาอย่างดี รวมทั้งเป็นผู้นำของโลกในการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน