ปักกิ่ง, 4 ม.ค. 2566 /พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์
สืบเนื่องจากการคลายมาตรการคุมเข้มโควิด-19 ของจีน ผู้เชี่ยวชาญบางส่วนได้ออกมาแสดงความกังวลว่า การผ่อนคลายมาตรการในครั้งนี้อาจนำไปสู่การกลายพันธุ์ของเชื้อโควิด
"สถานการณ์ค่อนข้างน่ากังวล" สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานโดยอ้างอิงคำกล่าวของคุณวิลเลียม ชาฟฟ์เนอร์ (William Schaffner) ศาสตราจารย์ประจำสาขาวิชาโรคติดเชื้อที่ศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยแวนเดอร์บิลต์ (Vanderbilt University) ในเมืองแนชวิลล์ รัฐเทนเนสซี และผู้อำนวยการด้านการแพทย์ของมูลนิธิโรคติดเชื้อแห่งชาติ (National Foundation for Infectious Diseases หรือ NFID)
ขณะเดียวกัน ความเสี่ยงจากอันตรายของเชื้อไวรัสสายพันธุ์ย่อยที่เกิดใหม่ในจีนนั้น "ค่อนข้างต่ำ" ดร. คริส เมอร์เรย์ (Chris Murray) ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยสุขภาพแห่งมหาวิทยาลัยวอชิงตันในเมืองซีแอตเทิล กล่าวในรายการของสำนักข่าวซีเอ็นบีซี
คุณเมอร์เรย์ระบุว่า มันต้องมีลักษณะพิเศษบางอย่างสำหรับสายพันธุ์ย่อยเกิดใหม่ที่จะมาแทนที่เชื้อไวรัสโอมิครอน พร้อมเสริมว่า "ปัจจุบันความเสี่ยงยังไม่สูงมากนัก"
ทั้งนี้ ข้อมูลลำดับจีโนมของเชื้อไวรัสที่กำลังแพร่ระบาดในจีนล่าสุดที่ปล่อยออกมาผ่านแถลงการณ์ของ GISAID ฐานข้อมูลจีโนมออนไลน์ซึ่งตั้งอยู่ในเยอรมนี บ่งชี้ว่า "สายพันธุ์ของโควิดที่แพร่กระจายอยู่ในจีนทั้งหมดมีความคล้ายคลึงกันอย่างใกล้ชิดกับสายพันธุ์ซึ่งพบในส่วนต่าง ๆ ของโลกในช่วงเดือนก.ค.ถึงธ.ค." เมื่อเทียบกับข้อมูลจีโนมทั้ง 14.4 ล้านจีโนมในฐานข้อมูล
คุณสฺหวี เหวินโป (Xu Wenbo) ผู้อำนวยการสถาบันแห่งชาติเพื่อโรคไวรัสและการควบคุม (NIVDC) ของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของจีน (CDC) กล่าวเมื่อวันอังคาร (27 ธ.ค.) ว่า ขณะนี้ ในจีนพบการแพร่ระบาดของไวรัสโอมิครอนทั้งสิ้น 9 สายพันธุ์ย่อย และยังไม่มีการตรวจพบลักษณะของการกลายพันธุ์ในจีโนมของสายพันธุ์ย่อยเหล่านี้แต่อย่างใด
ความพยายามของจีนในการเฝ้าระวังการกลายพันธุ์
คุณสฺหวีกล่าวว่า จีนได้มีการกำหนดแผนงานเพื่อติดตามเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ นับตั้งแต่ที่ได้ปรับมาตรการป้องกันและควบคุมการระบาดของโควิด-19
แผนงานดังกล่าวได้กำหนดให้มีการเลือก "โรงพยาบาลรักษาการณ์" 3 แห่งให้ทำหน้าที่ติดตาม ควบคุม และรักษาโรคระบาดและโรคติดต่อในแต่ละมณฑล
คุณสฺหวีระบุว่า โรงพยาบาลรักษาการณ์แต่ละแห่งจะเก็บตัวอย่าง 15 ตัวอย่างจากคลินิกผู้ป่วยนอกและแผนกฉุกเฉิน 10 ตัวอย่างจากเคสที่มีอาการรุนแรงและเคสที่ถึงแก่ชีวิตทั้งหมดทุกสัปดาห์ เพื่อการจัดลำดับจีโนมและการวิเคราะห์ และอัปโหลดข้อมูลไปยัง NIVDC ซึ่งเป็นการสร้างฐานข้อมูลจีโนมแห่งชาติสำหรับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
คุณหยาง เสี่ยวปิง (Yang Xiaobing) ผู้อำนวยการ CDC อู่ฮั่น ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นว่า โรงพยาบาลรักษาการณ์ต่าง ๆ ในเมืองอู่ฮั่นได้เก็บ 40 ตัวอย่างจากการตรวจเชื้อผ่านลำคอ (throat swab) ในทุกสัปดาห์นับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวจากก่อนหน้านี้ เพื่อตรวจหาเชื้อไวรัส
คุณหยางระบุว่า ข้อมูลทั้งหมดแสดงให้เห็นว่า ยังไม่พบสายพันธุ์ใหม่แพร่ระบาดอยู่ในเมืองตั้งแต่เดือนต.ค. นอกเหนือจากสายพันธุ์ BA.5.2
นอกจากนี้ จีนยังได้แบ่งปันข้อมูลกับทั่วโลก โดยคุณอู๋ จุนโหย่ว (Wu Zunyou) หัวหน้านักระบาดวิทยาของ CDC ของจีน เปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดี (29 ธ.ค.) ว่า จีนได้อัปโหลดข้อมูลลำดับยีนให้แก่องค์การอนามัยโลก (WHO) นับตั้งแต่การระบาดได้เริ่มต้นขึ้น เพื่อให้นานาประเทศสามารถพัฒนาน้ำยาตรวจเชื้อและวัคซีนจากข้อมูลดังกล่าว
ทั้งนี้ จีนได้แบ่งปันข้อมูลเพิ่มเติมเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (30 ธ.ค.) โดยคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (NHC) และ CDC ของจีนได้จัดการประชุมทางไกลกับ WHO และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบัน การรักษา รวมถึงการฉีดวัคซีน ซึ่งการแลกเปลี่ยนทางเทคนิคนี้จะดำเนินต่อไปเพื่อช่วยยับยั้งการแพร่ระบาดทั่วโลกโดยเร็วที่สุด
การตอบสนองของจีนต่อการป้องกันและควบคุมโควิด-19 อิงตามหลักฐานที่ดี
จีนได้ออกมาตรการหลายอย่างตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา เพื่อเป็นแนวทางในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาด ซึ่งรวมถึงมาตรการการวินิจฉัยและการรักษาสำหรับโควิด-19 ทั้ง 9 แบบ มาตรการที่ได้รับการปรับให้เหมาะสม 20 มาตรการ และมาตรการใหม่ 10 มาตรการ โดยจีนจะจัดการโควิด-19 ด้วยมาตรการที่มุ่งเป้าไปที่โรคติดเชื้อระดับบี (Class-B infectious diseases) แทนโรคติดเชื้อระดับเอ (Class-A infectious diseases) ที่ร้ายแรงกว่า ตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค. 2566 เป็นต้นไป
คุณเหลียง ว่านเหนียน (Liang Wannian) หัวหน้าคณะผู้เชี่ยวชาญการตอบสนองต่อการระบาดของโควิด-19 ของ NHC กล่าวว่า การปรับมาตรการเพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของจีนตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเข้าใจเกี่ยวกับเชื้อโรค ระดับภูมิคุ้มกันของประชากร ความสามารถในการต้านทานของระบบสุขภาพ และมาตรการแทรกแซงด้านสาธารณสุข
ทั้งนี้ ไม่ได้หมายถึงการปล่อยให้เชื้อไวรัสระบาดอย่างไร้การควบคุม หากแต่เป็น "การจัดสรรทรัพยากรให้กับงานที่สำคัญที่สุดในด้านการป้องกัน ควบคุม และบำบัดรักษา" คุณเหลียงกล่าว
จีนได้พยายามปรับปรุงเวชภัณฑ์ที่จำเป็น อาทิ ยารักษาโรค, น้ำยาตรวจเชื้อ, วัคซีน, หน้ากากอนามัย และชุดป้องกัน
คุณหลี่ ปิน (Li Bin) รองหัวหน้าของ NHC กล่าวในการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 27 ธ.ค.ที่ผ่านมาว่า จีนได้มีการจัดสรรวัคซีนโควิด-19 มากกว่า 3.4 พันล้านโดส โดยกว่า 90% ของประชากรได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว
กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศของจีนระบุว่า กำลังการผลิตยาแก้ปวดลดไข้ไอบูโพรเฟน (ibuprofen) และพาราเซตามอล (paracetamol) รายวันของจีนสามารถทำได้เกิน 200 ล้านเม็ด โดยมีผลผลิตต่อวันสูงถึง 190 ล้านเม็ด พร้อมเสริมว่า ผลผลิตน้ำยาสำหรับการตรวจหาแอนติเจนของจีนเพิ่มขึ้นจาก 60 ล้านรายการต่อวันในต้นเดือนธ.ค. เป็น 110 ล้านรายการต่อวัน