ปักกิ่ง—16 ม.ค. 2566—พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์
ประชาชนชาวจีนกำลังต้อนรับฤดูหนาวอันคึกคัก หลังทางการจีนได้ผ่อนปรนนโยบายบริหารจัดการโรคโควิด-19
ความเคลื่อนไหวนี้นับเป็นความคืบหน้าครั้งสำคัญตลอดสามปีที่จีนต่อสู้กับโรคร้ายนี้ แต่ยังคงมีความท้าทายรออยู่เบื้องหน้า
ตลอดเวลาที่ผ่านมานั้น จีนได้ทุ่มเททุกวิถีทางเพื่อปกป้องประชาชน พร้อมแบ่งปันประสบการณ์อันล้ำค่าให้ทั้งโลกได้รับรู้
ปกป้องชีวิต
คณะทำงานว่าด้วยการป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19 ในสังกัดคณะมนตรีรัฐกิจ แถลงต่อสื่อมวลชนเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า จีนมีจำนวนผู้ป่วยไข้ลดลง ขณะที่จำนวนผู้ที่เข้าห้องฉุกเฉินและผู้ป่วยโรคโควิด-19 อาการวิกฤติทั่วประเทศจีนก็ลดลงด้วย
เจียว หยาฮุย (Jiao Yahui) หัวหน้าสำนักการแพทย์ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน (NHC) เปิดเผยว่า จำนวนผู้ป่วยวิกฤติในโรงพยาบาลได้ทำสถิติสูงสุดในวันที่ 5 มกราคมที่ 128,000 ราย และลดลงเหลือ 105,000 รายในวันที่ 12 มกราคม
ในการสร้างสมดุลระหว่างการช่วยชีวิตกับการส่งเสริมกิจกรรมทางเศรษฐกิจ นโยบายโควิด-19 ของจีนได้ซื้อเวลาในการยกระดับมาตรการป้องกัน และไวรัสก็ร้ายแรงน้อยลง
องค์การอนามัยโลก (WHO) รายงานว่า ณ วันที่ 13 มกราคม ทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 มากกว่า 661 ล้านราย และมีผู้เสียชีวิตจากโรคนี้กว่า 6.7 ล้านราย
อัตราการเสียชีวิตของจีนต่อประชากร 100,000 คนอยู่ที่ 2.29 ณ วันที่ 13 มกราคม ตามข้อมูลขององค์การอนามัยโลก ซึ่งเท่ากับ 1/37 ของค่าเฉลี่ยทั่วโลก และ 1/143 ของสหรัฐอเมริกา
ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลกเผยว่า อัตราการเสียชีวิตในจีนอยู่ที่ 0.31% ต่ำกว่ามากเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 1.01% และในสหรัฐอเมริกาที่ 1.09% ณ วันที่ 13 มกราคม
จีนยกให้ "ผู้คนมาก่อน ชีวิตต้องมาก่อน" เป็นแกนหลักในการกำหนดนโยบายเกี่ยวกับโควิด-19 ส่งผลให้จีนมีอัตราการเสียชีวิตน้อยมาก อันเป็นผลจากมาตรการป้องกันและควบคุมที่เข้มงวดในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
อู๋ ซุนหยู (Wu Zunyou) หัวหน้านักระบาดวิทยา ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งประเทศจีน กล่าวในการประชุมเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2564 ว่า "เมื่อดูอัตราการติดเชื้อเฉลี่ยทั่วโลกแล้ว จีนป้องกันการติดเชื้อได้ประมาณ 47.84 ล้านคน และป้องกันการเสียชีวิตได้ 950,000 คน"
ในเวลานั้น คุณอู๋ได้นำเสนอข้อมูลตัวเลข เพื่ออธิบายเหตุผลที่จีนต้องยึดนโยบายโควิดเป็นศูนย์ แม้สหรัฐฯ และบางประเทศในยุโรปจะผ่อนคลายยุทธศาสตร์การป้องกันและควบคุมก็ตาม
คุณอู๋กล่าวเสริมว่า หากคาดการณ์โดยใช้อัตราการเสียชีวิตในสหรัฐแล้ว จีนป้องกันการเสียชีวิตได้มากกว่า 3 ล้านคน
แบ่งปันประสบการณ์
เมื่อเกิดการระบาดครั้งแรกในปี 2563 จีนใช้มาตรการที่รัดกุมเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโดยปิดช่องทางออก ซึ่งเปิดโอกาสอันล้ำค่าให้ประชาคมโลกเตรียมการรับมือได้
จีนได้แบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับโรคระบาดนี้มาอย่างต่อเนื่อง โดยได้รายงานการระบาดต่อองค์การอนามัยโลกทันที ทั้งยังแบ่งปันผลการจัดลำดับจีโนมกับทั่วโลก และเผยแพร่แนวทางควบคุมและการรักษา ความเคลื่อนไหวทั้งหมดนี้ช่วยอำนวยความสะดวกในการป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19 ในประชาคมโลก ตลอดจนการวิจัยและพัฒนาวัคซีนและเครื่องมือทดสอบต่าง ๆ
ในการแบ่งปันประสบการณ์ จีนได้จัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนกว่า 300 ครั้งในเรื่องการควบคุมการแพร่ระบาดและการรักษาทางการแพทย์กับกว่า 180 ประเทศและภูมิภาค และองค์กรระหว่างประเทศมากกว่า 10 แห่ง นอกจากนี้ยังมีการส่งทีมแพทย์ 37 ทีมไปยัง 34 ประเทศเพื่อช่วยเหลือในแนวหน้าด้วย
ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา จีนได้อัปเดตโปรโตคอลการวินิจฉัยและการรักษาโควิด-19 นำร่อง 10 ฉบับ โดยพบว่าการแพทย์แผนจีน (TCM) มีประโยชน์ในการรักษาโรค จีนจึงจัดงานแลกเปลี่ยนทางวิดีโอและสตรีมสดกว่า 100 รายการ เพื่อนำแพทย์แผนจีนไปใช้วินิจฉัยและรักษาโรคในกว่า 150 ประเทศและภูมิภาค
พัฒนาเครื่องมือทางการแพทย์
ในช่วงที่นโยบายอันเข้มงวดของจีนทำให้อัตราการติดเชื้อมีน้อยมาก จีนก็ได้ทำงานแข่งกับเวลาเพื่อพัฒนายาต้านโควิด-19 ในขณะเดียวกันก็ส่งเสริมการฉีดวัคซีนด้วย
หน่วยงานควบคุมผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ของจีนได้อนุมัติทั้งยาที่พัฒนาในประเทศและนำเข้าให้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน โดยขณะนี้กำลังมีการวิจัยยารักษาโรคโควิด-19 ชนิดรับประทานมากกว่า 10 ชนิดในจีน
ปัจจุบัน สำนักงานควบคุมเวชภัณฑ์แห่งชาติจีนได้อนุมัติวัคซีนโรคโควิด-19 แล้วถึง 13 รายการ เพื่อวางจำหน่ายแบบมีเงื่อนไขหรือใช้กรณีฉุกเฉินได้ในจีน ทั้งในประเภทสูดดม ฉีด และพ่นจมูก
รัฐบาลจีนได้จัดหาวัคซีนฟรีให้ทุกคน และกระตุ้นอัตราการฉีดวัคซีนอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างเกราะป้องกันไวรัส จำนวนประชาชนในจีนที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบแล้วคิดเป็นกว่า 90% ของประชากรทั้งหมด ณ กลางเดือนธันวาคม 2565
ในขณะเดียวกัน กระทรวงการต่างประเทศเปิดเผยว่า ชาวจีนกว่า 4.6 ล้านคนที่อาศัยและทำงานใน 180 ประเทศ ยังได้รับประโยชน์จากแคมเปญวัคซีน "สปริง สเปราต์" (Spring Sprout) ซึ่งเป็นแคมเปญระดับโลกของจีนในการฉีดวัคซีนให้กับคนสัญชาติจีนที่อาศัยและทำงานในต่างประเทศ
ทั้งนี้ จีนเป็นประเทศแรกที่ประกาศแผนแจกจ่ายวัคซีนโควิด-19 ของตนเพื่อประโยชน์ต่อทั้งโลก นอกจากนี้ยังเป็นผู้นำในการสละสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาสำหรับวัคซีนโควิด-19 และดำเนินการผลิตร่วมกับประเทศกำลังพัฒนา จีนได้แจกวัคซีนมาแล้วกว่า 2.2 พันล้านโดสแก่กว่า 120 ประเทศและองค์กรระหว่างประเทศ
นอกจากนี้ จีนยังแจกอุปกรณ์ควบคุมการแพร่ระบาดหลายแสนล้านชิ้นให้ 153 ประเทศ และองค์กรระหว่างประเทศ 15 แห่งด้วย