นักท่องเที่ยวจีนมีปริมาณการจับจ่ายผ่านยูเนี่ยนเพย์ทะยานเกือบ 6 เท่าในช่วงตรุษจีนประจำปีนี้ ขณะที่ยอดซื้อผ่านยูเนี่ยนเพย์ตามร้านค้าในประเทศไทยโตแรงกว่า 7 เท่าเมื่อเปรียบเทียบกับตรุษจีนปี 2565
กรุงเทพฯ 6 ก.พ. 2566 /พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์
นับตั้งแต่จีนประกาศยกเลิกมาตรการคุมเข้มชายแดนเมื่อวันที่ 8 มกราคม 2566 ภาคธุรกิจและการท่องเที่ยวของประเทศไทยต่างเฝ้ารอการกลับมาเยือนของนักท่องเที่ยวชาวจีนอย่างใจจดใจจ่อ สำหรับในช่วงเทศกาลตรุษจีนระหว่างวันที่ 21 ถึง 30 มกราคมที่ผ่านมา นักเดินทางจากจีนแผ่นดินใหญ่เริ่มฟื้นตัว โดยมีปริมาณการจับจ่ายใช้สอยผ่านยูเนี่ยนเพย์เพิ่มขึ้นเกือบ 6 เท่าเมื่อเปรียบเทียบกับเทศกาลตรุษจีนในปี 2565 นอกจากนี้ยังมีการซื้อสินค้าและบริการต่าง ๆ ตามร้านค้าในประเทศไทยผ่านยูเนี่ยนเพย์เพิ่มขึ้นกว่า 7 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับยอดการเบิกถอนเงินสดผ่านตู้เอทีเอ็มของยูเนี่ยนเพย์ในประเทศไทยที่เพิ่มขึ้นถึง 5 เท่า
ยอดจับจ่ายของนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เพิ่มขึ้นอย่างมากนี้อาจไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเท่าไรนัก เนื่องจากช่วงปลายเดือนธันวาคม 2565 เว็บไซต์ Trip.com รายงานว่า ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่มีการค้นหามากเป็นอันดับ 2 เมื่อคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (National Health Commission) ของจีนประกาศให้ผู้ที่เดินทางเข้าประเทศไม่ต้องกักตัวอีกต่อไปหลังจากที่ประกาศใช้นโยบายกักตัวมานานถึง 3 ปี แต่แม้กระทั่งก่อนการระบาดของโรคโควิด-19 เมื่อต้นปี 2563 ประเทศไทยก็เป็นจุดหมายปลายทางอันดับแรกของนักท่องเที่ยวชาวจีนเมื่อพิจารณาจากการเดินทางขาออกจากจีนแผ่นดินใหญ่ในปี 2562 [1]
"เรารู้สึกยินดีที่ได้เห็นปริมาณการจับจ่ายใช้สอยของนักท่องเที่ยวชาวจีนเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงตรุษจีนปีนี้ และยังเลือกจ่ายเงินผ่านยูเนี่ยนเพย์ระหว่างเดินทางมาประเทศไทย เราคาดว่าปริมาณการจับจ่ายจะยิ่งแข็งแกร่งเมื่อนักท่องเที่ยวจีนจะสามารถเดินทางในรูปแบบกรุ๊ปทัวร์ได้ตั้งแต่วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นไป ทั้งนี้เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการกลับมาของนักท่องเที่ยว ยูเนี่ยนเพย์ อินเตอร์เนชั่นแนล (UnionPay International หรือ UPI) จึงได้เสริมกำลังร้านค้าที่รับชำระเงินผ่านยูเนี่ยนเพย์อย่างต่อเนื่อง เพื่อมอบประสบการณ์การชำระเงินที่ราบรื่นยิ่งขึ้นให้แก่นักท่องเที่ยวชาวจีน ปัจจุบัน ประเทศไทยมีร้านค้าที่รับชำระเงินผ่านยูเนี่ยนเพย์อยู่เป็นจำนวนมากถึงเกือบ 2 แสนแห่ง ครอบคลุมธุรกิจหลายกลุ่ม หลายประเภท" ไมเคิล ชาง (Michael Shang) ผู้จัดการทั่วไปประจำประเทศไทยของ UPI กล่าว
ในช่วงเทศกาลตรุษจีนประจำปี 2566 นี้ นักท่องเที่ยวชาวจีนใช้เงินจับจ่ายซื้อกระเป๋าเดินทางและเครื่องหนังมากที่สุด รวมถึงบริการห้องพัก และการซื้อสินค้าในห้างสรรพสินค้าและร้านสะดวกซื้อ ส่วนในเรื่องของความถี่นั้น ร้านอาหารและเครื่องดื่ม ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อและห้างสรรพสินค้ามีความถี่ในการทำธุรกรรมมากที่สุด โดยคุณไมเคิล ชาง กล่าวว่า "ดินแดนสยามเมืองยิ้มแห่งนี้มอบประสบการณ์การชอปปิงที่เหนือกว่า มีอาหารอร่อย ชายหาดที่อุดมไปด้วยธรรมชาติแท้ ๆ การต้อนรับอันอบอุ่น จึงเป็นที่โปรดปรานของนักท่องเที่ยวชาวจีนตลอดมา เราพร้อมแล้วที่จะตอบสนองความต้องการบริการชำระเงินของนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนประเทศไทย ซึ่งมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น"
เกี่ยวกับยูเนี่ยนเพย์ อินเตอร์เนชั่นแนล
ยูเนี่ยนเพย์ อินเตอร์เนชั่นแนล (UnionPay International หรือ UPI) ดูแลธุรกิจในต่างประเทศทั้งหมดของยูเนี่ยนเพย์ ซึ่งเป็นเครือข่ายการชำระเงินที่มีฐานลูกค้าผู้ถือบัตรมากที่สุดในโลก โดยร้านค้ากว่า 70 ล้านแห่งใน 181 ประเทศและดินแดนทั่วโลกต่างรับบัตรยูเนี่ยนเพย์ ขณะที่ร้านค้ากว่า 40 ล้านแห่งในตลาด 46 แห่งทั่วโลกก็รับชำระเงินผ่านคิวอาร์โค้ดของยูเนี่ยนเพย์ ยูเนี่ยนเพย์จึงถือเป็นหนึ่งในเครือข่ายการชำระเงินที่เติบโตรวดเร็วที่สุดในโลก
ยูเนี่ยนเพย์มีเครือข่ายการรับชำระเงินทั่วโลกและมีบริการชำระเงินหลากหลายรูปแบบ บริษัทมุ่งมั่นในการนำเสนอโซลูชันการชำระเงินที่มีคุณค่าและมีความปลอดภัย เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดท้องถิ่น ตลอดจนมอบทางเลือกและความสะดวกสบายในการชำระเงินให้กับทั้งผู้บริโภคและผู้ประกอบธุรกิจ
ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยูเนี่ยนเพย์ อินเตอร์เนชั่นแนล ให้บริการตู้เอทีเอ็ม จุดชำระเงิน การออกบัตร และกระเป๋าเงินดิจิทัล ครอบคลุม 10 ประเทศ สำหรับประเทศไทยนั้น มีบัตรยูเนี่ยนเพย์หลายประเภทและแอปต่าง ๆ ที่สแกนคิวอาร์โค้ดของยูเนี่ยนเพย์ได้ เช่น โมบายแบงก์กิ้ง จากธนาคารกรุงเทพ (Bualuang mBanking) และเคพลัส (K PLUS) ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับยูเนี่ยนเพย์ ประเทศไทย ได้ที่ https://www.unionpayintl.com/th/
[1] https://www.chinadaily.com.cn/a/201902/27/WS5c75c041a3106c65c34eb8ce.html