ปักกิ่ง, 22 พ.ค. 2566 /พีอาร์นิวส์ไวร์/ดาต้าเซ็ต
เมื่อเช้าวันศุกร์ที่ 19 พ.ค. คุณเผิง ลี่หยวน ภริยาของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เชื้อเชิญสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของคีร์กีซสถานและอุซเบกิสถานให้เยี่ยมชมโรงงิ้วอี้สูเช่ออันเก่าแก่ในเมืองซีอาน มณฑลฉ่านซี ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน
แขกรับเชิญได้แก่ คุณไอกุล จาปารอฟวา ภริยาของประธานาธิบดีซาเดียร์ จาปารอฟ แห่งคีร์กีซสถาน และคุณซีโรอาตซอน มีร์ซีโยเยฟวา ภริยาของประธานาธิบดีชัฟคัต มีร์ซีโยเยฟ แห่งอุซเบกิสถาน โดยทั้งสองท่านเข้าร่วมการประชุมสุดยอดจีน-เอเชียกลางที่เมืองซีอาน ซึ่งปิดฉากไปแล้วเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
คุณเผิงพาแขกทั้งสองท่านไปเยือนพิพิธภัณฑ์ศิลปะงิ้วฉินเชียง ในย่านวัฒนธรรมโรงงิ้วอี้สูเช่อ ในระหว่างการเยี่ยมชม พวกเขาได้มีโอกาสชมสิ่งของอันประณีตที่เกี่ยวข้องกับงิ้วพื้นบ้าน
ทั้งสามท่านหยุดอยู่หน้าจิตรกรรมฝาผนังชิ้นหนึ่งเพื่อดูภาพนักดนตรีท้องถิ่นทำการแสดงร่วมกับนักดนตรีจากภูมิภาคตะวันตกในสมัยราชวงศ์ถัง (พ.ศ. 1161-1450) และฟังบรรยายสรุปเกี่ยวกับความนิยมของงิ้วฉินเชียงในจีน
นอกจากนี้ คุณเผิงและแขกทั้งสองท่านยังได้ลองทำหุ่นเงาที่ห้องโถงนิทรรศการและพูดคุยกับศิลปินผู้คร่ำหวอดในศิลปะพื้นบ้านแขนงนี้ จากนั้นจึงรับชมการแสดงงิ้วฉินเชียงแบบโบราณที่โรงงิ้วอี้สูเช่อ
ทั้งนี้ งิ้วฉินเชียง ซึ่งเป็นงิ้วพื้นบ้านของจีนที่มีต้นกำเนิดในสมัยราชวงศ์โจวตะวันตก (ช่วง 503-228 ปีก่อนพุทธกาล) ยังคงเฟื่องฟูในภูมิภาคอันกว้างใหญ่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน และถูกรวมอยู่ในรายการมรดกที่จับต้องไม่ได้ของจีนในปี 2549
เช่นเดียวกับอุปรากรจีนรูปแบบอื่น ๆ ฉินเชียงผสมผสานการร้องเพลง การเต้นรำ ศิลปะการต่อสู้ และกายกรรมผาดโผน โดยแสดงเป็นภาษาจีนสำเนียงฉ่านซี ละครส่วนใหญ่ประกอบด้วยเรื่องราวโบราณและนิทานพื้นบ้าน
คุณเผิงกล่าวว่า จีนพร้อมที่จะยกระดับการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและความร่วมมือกับประเทศในเอเชียกลาง โดยมุ่งส่งเสริมความเข้าใจซึ่งกันและกันและมิตรภาพระหว่างประชาชน
คุณจาปารอฟวาและคุณมีร์ซีโยเยฟวากล่าวว่า ตนรู้สึกว่าเส้นทางสายไหมเชื่อมโยงวัฒนธรรมของเอเชียกลางและจีนเข้าด้วยกัน และคาดหวังให้ทั้งสองฝ่ายยกระดับการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนและส่งเสริมการเรียนรู้ร่วมกัน
การแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมที่ยาวนานก่อให้เกิดผลสำเร็จ
กว่า 30 ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต ประชาชนจีนและประชาชนในประเทศในเอเชียกลางได้สานต่อมิตรภาพที่มีมานับพันปี โดยทั้งสองฝ่ายได้เก็บเกี่ยวผลสำเร็จในด้านต่าง ๆ เช่น การศึกษา, วัฒนธรรม, สุขภาพ, การท่องเที่ยว และการแลกเปลี่ยนในระดับย่อยของประเทศ และพัฒนากรอบการทำงานหลายแง่มุมที่ครอบคลุมสำหรับการแลกเปลี่ยนในระดับประชาชน
จีนและเอเชียกลางได้จัดตั้งมณฑล ภูมิภาค และเมืองพี่เมืองน้องกัน 62 คู่ โดยในปี 2565 จีนเสนอให้จัดเวทีมิตรภาพระหว่างประชาชนจีน-เอเชียกลาง และให้คำมั่นว่าจะทำให้จำนวนเมืองพี่เมืองน้อง ซึ่งเป็นเมืองแฝดกับเมืองต่าง ๆ ในจีน เพิ่มเป็น 100 เมืองให้ได้ภายในหนึ่งทศวรรษทั่วทั้ง 5 ประเทศ
ตั้งแต่ปี 2547 จีนได้จัดตั้งสถาบันขงจื๊อ 13 แห่งและห้องเรียนขงจื๊อ 24 แห่งในเอเชียกลาง โดยปัจจุบันมีนักเรียน-นักศึกษากว่า 18,000 คนลงทะเบียนเรียนในสถาบันการศึกษาเหล่านี้
ตั้งแต่ปี 2553-2561 จำนวนนักเรียน-นักศึกษาเอเชียกลางที่ศึกษาในจีนเพิ่มขึ้นจาก 11,930 คนเป็น 29,885 คน โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ 12.33% ประเทศจีนกลายเป็นตัวเลือกหลักและจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักเรียน-นักศึกษาจากประเทศในแถบเอเชียกลางที่ต้องการศึกษาต่อในต่างประเทศ จำนวนนักเรียน-นักศึกษาเอเชียกลางที่ศึกษาต่อในจีนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วหลังโควิด-19
นอกจากนี้ ในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมสุดยอดจีน-เอเชียกลางเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ปธน.สีเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการเสริมสร้างการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างอารยธรรม โดยระบุว่าจีนขอเชิญประเทศในเอเชียกลางให้เข้าร่วมในโครงการ "เส้นทางสายไหมทางวัฒนธรรม" และประกาศแผนการจัดตั้งศูนย์การแพทย์แผนโบราณเพิ่มเติมในเอเชียกลาง
"เราจะเร่งจัดตั้งศูนย์วัฒนธรรมในประเทศของแต่ละฝ่าย จีนจะให้ทุนรัฐบาลแก่ประเทศในเอเชียกลางต่อไป และสนับสนุนมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ในการเข้าร่วมพันธมิตรมหาวิทยาลัยแห่งเส้นทางสายไหม" ปธน.สีกล่าว
"เราจะรับประกันความสำเร็จของปีแห่งวัฒนธรรมและศิลปะสำหรับประชาชนจีนและประเทศในเอเชียกลาง เช่นเดียวกับการเจรจาสื่อระดับสูงจีน-เอเชียกลาง เราจะเปิดตัวโครงการเมืองหลวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวจีน-เอเชียกลาง และเปิดให้บริการรถไฟพิเศษสำหรับการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในเอเชียกลาง" ปธน.สีระบุ