เซี่ยงไฮ้--24 พฤษภาคม 2566--พีอาร์นิวส์ไวร์/ดาต้าเซ็ต
แอสโทรเนอร์จี (Astronergy) ผู้บุกเบิกโมดูลเซลล์แสงอาทิตย์ท็อปคอน (TOPCon) ชนิดเอ็นไทป์ (n-type) ได้เปิดตัวโมดูลแอสโทร เอ็น (ASTRO N) รุ่นอัปเกรดใหม่ นั่นคือ แอสโทร เอ็น7 (ASTRO N7) ในงานเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ ณ มหกรรม 2023 SNEC PV Power Expo ที่นครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ในวันที่ 24 พฤษภาคม โดยผลิตภัณฑ์ใหม่นี้ได้รับใบรับรองคุณภาพมาตรฐาน IEC จากทียูวี ไรน์แลนด์ (TÜV Rheinland) เป็นที่เรียบร้อย
นับตั้งแต่แอสโทรเนอร์จีเปิดตัวโมดูลท็อปคอนชนิดเอ็นไทป์และผลิตในปริมาณมากเป็นครั้งแรกเมื่อเดือนเมษายน 2565 กระแสตอบรับอย่างดีจากตลาดและการเปลี่ยนแปลงในตลาดพลังงานแสงอาทิตย์ก็ได้ทำให้เกิดการรังสรรค์สุดยอดผลิตภัณฑ์ใหม่ขึ้นมา นั่นคือ แอสโทร เอ็น7 ซึ่งผสานรวมความเป็นเลิศทั้งเทคโนโลยีเซลล์แสงอาทิตย์ท็อปคอน 3.0 (TOPCon 3.0) กำลังการผลิตโมดูลอันทรงพลัง และความรู้ลึกเกี่ยวกับตลาดของแอสโทรเนอร์จี
หัวใจหลักของผลิตภัณฑ์ที่เพิ่งเปิดตัวใหม่คือเทคโนโลยีท็อปคอน 3.0 ที่พัฒนาขึ้นโดยอิสระ พร้อมด้วยเทคโนโลยีเซลล์โบรอน-แอลดีเอสอี (Boron-LDSE) และเทคโนโลยีที่ซับซ้อนอื่น ๆ ส่งผลให้ประสิทธิภาพโดยเฉลี่ยของเซลล์ที่ผลิตในปริมาณมากสูงถึง 25.6% และประสิทธิภาพโดยเฉลี่ยของเซลล์ที่ผลิตนำร่องสูงถึง 26.0% เลยทีเดียว
นอกจากนี้ เพื่อยกระดับประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือไปอีกขั้น ผลิตภัณฑ์ใหม่ยังประกอบด้วยซิลิคอนเวเฟอร์ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่มีพื้นที่ใหญ่กว่าเวเฟอร์เอ็ม10 (M10) ขนาด 182 มม. ที่โมดูลแอสโทร เอ็น5 (ASTRO N5) ใช้มาก่อนหน้านี้ ด้วยพื้นที่ที่เพิ่มขึ้น 5.12% และเทคโนโลยีท็อปคอน 3.0 ส่งผลให้กำลังของเซลล์เดี่ยวเพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์เซลล์ PERC ตัวหลัก ๆ ในตลาด
ในกระบวนการผลิตโมดูลแอสโทร เอ็น7 นั้น แอสโทรเนอร์จีได้ใช้เทคโนโลยีกระบวนการเซลล์ SMBB รวมถึงใช้กระจกส่งผ่านแสงสูงและฟิล์มเปลี่ยนทิศทางแสง (สำหรับรุ่นกระจกสองชั้น) เพื่อทำให้ผลิตภัณฑ์ใหม่มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้นในแทบทุกสภาพการใช้งาน
เช่นเดียวกับโมดูลแอสโทร เอ็น รุ่นก่อน ๆ แอสโทร เอ็น7 ก็มีการรับประกันผลิตภัณฑ์อย่างน้อย 12 ปี และรับประกันผลผลิตไฟฟ้า 30 ปี ส่วนอัตราการเสื่อมสภาพในปีแรกต่ำกว่า 1% อย่างมาก ขณะที่อัตราการเสื่อมสภาพต่อปีในปีที่ 2 ถึงปีที่ 30 ก็ต่ำกว่า 0.4%
เมื่อพิจารณาในภาพรวมแล้ว ผลิตภัณฑ์ที่อัปเกรดใหม่นี้มีกำลังการผลิตไฟฟ้าและประสิทธิภาพสูงขึ้น แต่มีต้นทุนอุปกรณ์ประกอบระบบ (BOS) และต้นทุนการผลิตไฟฟ้าต่อหน่วยปรับเฉลี่ย (LCOE) ลดลง ส่วนค่าสัมประสิทธิ์อุณหภูมิของแอสโทร เอ็น7 ก็ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นสู่ระดับ -0.29% ต่อองศาเซลเซียล และในแง่ของอุณหภูมิในการทำงาน, ค่าประสิทธิภาพสองหน้า (bifaciality), การเสื่อมสภาพที่เกิดจากแสง (LID), การเสื่อมสภาพที่เกิดจากแสงและอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลง (LeTID) และปริมาณรังสีนั้น แอสโทร เอ็น7 ยังคงมีประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมเช่นเดียวกับรุ่นแอสโทร เอ็น5
ทั้งนี้ ในฐานะที่ติดกลุ่มผู้ทำผลงานยอดเยี่ยม (Top Performer) ของพีเวล (PVEL) มากถึง 7 ครั้ง และยังได้รับการตอบรับอย่างยอดเยี่ยมจากผลิตภัณฑ์ซีรีส์แอสโทร เอ็น จึงเชื่อได้ว่าผลิตภัณฑ์ใหม่นี้จะแสดงความเป็นเลิศทั้งในด้านประสิทธิภาพและการปรับตัวในตลาด และบรรลุผลสำเร็จตามสโลแกน "For A Greener World" หรือ เพื่อสร้างโลกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น