งานมหกรรม Retail's Big Show ที่มีชื่อเสียงจากนครนิวยอร์กจะจัดงานในเวอร์ชันเอเชียแปซิฟิกขึ้นเป็นครั้งแรกในสิงคโปร์ เพื่อเปลี่ยนประสบการณ์ของผู้บริโภคในยุคสมัยใหม่ของการค้าปลีก
สิงคโปร์, 1 เม.ย. 2567 /พีอาร์นิวส์ไวร์/ -- สหพันธ์ค้าปลีกแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (National Retail Federation หรือ NRF) และคอมเอ็กซ์โพเซียม (Comexposium) บริษัทผู้จัดงานระดับโลก มีความภาคภูมิใจที่ได้นำมหกรรมค้าปลีกสุดยิ่งใหญ่ NRF 2024: Retail's Big Show Asia Pacific ซึ่งเป็นงานจัดแสดงสินค้าและการประชุมที่ได้รับการยกย่องและมีผู้รอคอยมากที่สุดรายการหนึ่ง มาจัดงานในสิงคโปร์เป็นครั้งแรก ในระหว่างวันที่ 11-13 มิถุนายนที่จะถึงนี้ ณ แซนด์ส เอ็กซ์โป แอนด์ คอนเวนชัน เซ็นเตอร์ (Sands Expo and Convention Centre)
Ryf Quail, Managing Director, NRF 2024: Retail’s Big Show Asia Pacific, Comexposium (left), Poh Chi Chuan, Executive Director, Exhibitions and Conferences, Experience Development Group, Singapore Tourism Board (STB) and David Mann, Chief Economist, Asia Pacific, Mastercard (extreme right).
งานมหกรรม Retail's Big Show เป็นการจัดงานค้าปลีกระดับโลกที่มีรูปแบบลักษณะเฉพาะตัวที่จัดขึ้นในนครนิวยอร์กทุกปี และได้รับการจัดอันดับให้ติดกลุ่มหนึ่งใน 200 งานที่ดีที่สุดในอเมริกาเหนือ และหนึ่งใน 50 งานจัดแสดงสินค้าที่เติบโตเร็วที่สุดทั่วโลก
ด้วยการสนับสนุนจากคณะกรรมการการท่องเที่ยวของสิงคโปร์ (Singapore Tourism Board หรือ STB) งานในเวอร์ชันเอเชียแปซิฟิก (APAC) ของมหกรรม Retail's Big Show จะจัดขึ้นในประเทศสิงคโปร์เป็นครั้งแรกในปีนี้ ด้วยทำเลที่ได้เปรียบทางยุทธศาสตร์และสถานะของสิงคโปร์ในการเป็นศูนย์กลางธุรกิจประจำภูมิภาคมาอย่างยาวนาน จึงทำให้สิงคโปร์เป็นเวทีที่มีความเหมาะสมที่สุดของสหพันธ์ค้าปลีกฯ ที่จะเปิดตัวงานมหกรรม Retail's Big Show ในเวอร์ชันภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (APAC) เป็นครั้งแรก โดยมีเป้าหมายเพื่อให้เหล่าผู้นำและองค์กรต่าง ๆ ทั่วทั้งอุตสาหกรรมค้าปลีกมารวมตัวเพื่อให้ความร่วมมือกันในระดับข้ามภูมิภาค
ทั้งนี้ งาน NRF APAC 2024 ภายใต้ธีม "ทางด่วนสู่ความสำเร็จของคุณ (Fast Track Your Success)" จะจัดงานประชุม งานจัดแสดงสินค้าและบริการ และการเยี่ยมชมร้านค้าปลีกต่าง ๆ ตลอดระยะเวลาสามวันในเดือนมิถุนายน รายละเอียดการจัดงานประกอบด้วย เทคโนโลยีและนวัตกรรมล่าสุด แนวทางปฏิบัติที่เป็นเลิศ และการเป็นผู้นำทางความคิดที่ครอบคลุมอุตสาหกรรมค้าปลีกทั้งหมด เช่น เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์และการเรียนรู้ของเครื่อง ห่วงโซ่การจัดหา การป้องกันภาวะขาดทุนและการคุ้มครองสินทรัพย์ การจัดหาหรือจัดวางสินค้าและเทคโนโลยีที่สร้างความรู้สึกสมจริง
"ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเป็นตลาดค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดของโลก แต่ก็เป็นภูมิภาคที่ยังขาดการได้รับบริการที่ดีอย่างเหมาะสมที่สุดในอุตสาหกรรมนี้ ตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาและหลากหลายแห่งนี้กำลังมาถึงจุดสำคัญในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง ที่แบบแผนแนวคิดการค้าปลีกแบบเก่าไม่เพียงพอที่จะรองรับความต้องการของผู้บริโภคที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้อีกต่อไป" คุณรีฟ เควล (Ryf Quail) กรรมการผู้จัดการโครงการ NRF 2024: Retail's Big Show Asia Pacific ของคอมเอ็กซ์โพเซียมกล่าว "ยุคดิจิทัลเรียกร้องให้เราต้องสร้างแนวคิดการค้าปลีกแบบใหม่ โดยทำให้ระบบดิจิทัลสอดคล้องกลมกลืนกันกับกายภาพ และปรับให้ประสบการณ์ของลูกค้ามีรูปแบบเฉพาะบุคคล รวมทั้งใช้ประโยชน์จากข้อมูลและเทคโนโลยีสร้างกระบวนการให้บริการแบบรวมทุกช่องทางเพื่อสร้างความสะดวกแก่ผู้บริโภคได้อย่างไร้รอยต่อ ด้วยเหตุนี้ การนำนวัตกรรมมาใช้กับโมเดลการค้าปลีกจึงไม่ได้เป็นเพียงแค่ทางเลือก แต่ยังเป็นสิ่งจำเป็นที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพื่อให้สามารถชนะใจกลุ่มผู้บริโภคในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในปัจจุบัน และควบคุมทิศทางอุตสาหกรรมนี้เพื่อมุ่งไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนและการเป็นที่ต้องการของตลาด"
ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกประกอบด้วยประชากรโลกร้อยละ 60 และเป็นตลาดขนาดมหึมาสำหรับธุรกิจค้าปลีกที่มีอัตราการเติบโตสูงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ด้วยแรงหนุนจากประชากรจำนวนมหาศาลของภูมิภาค การพัฒนาพื้นที่เมืองที่เติบโตมากขึ้น และการเกิดเมกะซิตี้หรือเมืองขนาดใหญ่ที่มีประชากรหนาแน่นเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมทั้งความเชี่ยวชาญของผู้บริโภคในการใช้เทคโนโลยีก้าวหน้าเพื่อเข้าถึงบริการและผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ โดยแนวโน้มที่สร้างผลกระทบในวงกว้างเหล่านี้ทำให้ธุรกิจค้าปลีกต้องสร้างแนวคิดใหม่ ๆ ที่มีความพร้อมที่จะปฏิวัติประสบการณ์ของผู้บริโภคในเอเชียแปซิฟิกทั้งทางออนไลน์และภายในร้านค้า
องค์การวิสาหกิจของสิงคโปร์ (Enterprise Singapore) ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาลสิงคโปร์เพื่อส่งเสริมการพัฒนาขององค์กรธุรกิจต่าง ๆ ให้การส่งเสริมสมาคมผู้ค้าปลีกสิงคโปร์ (Singapore Retailers Association) เพื่อดูแลจัดการประสบการณ์เยี่ยมชมร้านค้าปลีกที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นให้แก่ตัวแทนของงานจัดแสดง และยังได้รวบรวมผู้มีบทบาทหลักด้านเทคโนโลยีค้าปลีกของสิงคโปร์ เพื่อจัดแสดงที่พาวิลเลียนจัดงานของประเทศด้วย คุณจีนนี ลิม (Jeannie Lim) รองประธานเจ้าหน้าที่สายงานผู้ช่วย (ฝ่ายไลฟ์สไตล์และผู้บริโภค) ขององค์การวิสาหกิจของสิงคโปร์กล่าวว่า "เรามีความยินดีที่ได้สนับสนุนการจัดงานมหกรรม NRF 2024: Retail's Big Show ในเวอร์ชันภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรกงานนี้ ในฐานะของศูนย์กลางสำหรับนักท่องเที่ยวและไลฟ์สไตล์ที่มีชีวิตชีวาในทวีปเอเชีย สิงคโปร์จะทำหน้าที่เป็นจุดหมายที่เหมาะสมที่สุดให้แก่แบรนด์ต่าง ๆ ทั้งในประเทศและทั่วโลกที่ต้องการขยายตลาดเข้าสู่ภูมิภาคนี้ โดยจากการจัดงานในครั้งนี้ เราตั้งตารอคอยที่จะได้เห็นโอกาสใหม่ ๆ และความร่วมมือกันระหว่างแบรนด์และหุ้นส่วนต่าง ๆ เพื่อสร้างนวัตกรรมและเปลี่ยนรูปโฉมให้แก่ผลิตภัณฑ์และการบริการต่าง ๆ ของพวกเขา เพื่อให้ประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นและสมจริงให้แก่ลูกค้าที่ซื้อสินค้าและบริการ"
"ในฐานะของผู้ค้าปลีกรายใหญ่ที่สุดของสิงคโปร์ เราตั้งเป้าหมายที่จะสามารถเข้าใจพฤติกรรมและความต้องการเลือกซื้อสินค้าและบริการของลูกค้าของเราล่วงหน้าอยู่เสมอ เทคโนโลยีและข้อมูลช่วยให้เราเข้าใจความต้องการของผู้บริโภคได้ดีขึ้น และสามารถช่วยให้พวกเขาเข้าถึงสินค้าและบริการด้วยความสะดวกสบายอย่างราบรื่น การเปลี่ยนไปสู่ระบบดิจิทัลช่วยเพิ่มระดับความสามารถในการแข่งขัน ความมีประสิทธิภาพ และความมีประสิทธิผลของเรา ทั้งยังเป็นแรงขับเคลื่อนที่อยู่เบื้องหลังความพยายามสร้างการเปลี่ยนแปลงของเรา เพื่อเปลี่ยนแปลงวงการค้าปลีกทั่วทุกช่องทางที่เราติดต่อกับลูกค้าในช่วงปีที่ผ่านมานี้" คุณวิปูล ชาวลา (Vipul Chawla) ซีอีโอกลุ่มบริษัทแฟร์ไพร์ซ กรุ๊ป (FairPrice Group) ให้ความเห็น
"เนื่องจากการเดินทางข้ามประเทศจากจีนยังสามารถฟื้นตัวถึงระดับก่อนเกิดโรคระบาดทั่วโลกได้ต่อเนื่อง จึงมีแนวโน้มว่าจำนวนของนักเดินทางชาวจีนที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จะช่วยให้ธุรกิจค้าปลีกต่าง ๆ อย่างเช่น ในสิงคโปร์ ญี่ปุ่น ไทย ออสเตรเลีย และฮ่องกงเติบโตเพิ่มขึ้นต่อไป" คุณเดวิด มานน์ (David Mann) หัวหน้าทีมวิจัยเศรษฐกิจประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของมาสเตอร์การ์ด (Mastercard) กล่าว "ในขณะเดียวกัน ผู้บริโภคทั่วเอเชียแปซิฟิกต่างกำลังใช้จ่ายเงินเพิ่มมากขึ้นกับการรับประทานอาหารนอกบ้านและในบ้าน รวมทั้งเพื่อซื้อประสบการณ์อย่างการชมคอนเสิร์ตหรือการจัดงานใหญ่ต่าง ๆ ตัวอย่างเช่น ในเมลเบิร์นพบว่าธุรกิจค้าปลีกสามารถสร้างยอดขายเพิ่มขึ้นกว่า 10% ในระหว่างการจัดงานแข่งขันเทนนิสทัวร์นาเมนท์รายการออสเตรเลียน โอเพ่น"
ทั้งนี้ คาดว่างานมหกรรมที่จะจัดขึ้นตลอดสามวันครั้งนี้จะสามารถดึงดูดผู้จัดแสดงสินค้าได้มากกว่า 300 รายและผู้นำในวงการค้าปลีกกว่า 5,000 รายที่มาจากในภูมิภาคและทั่วโลก เพื่อร่วมแบ่งปันความรู้และแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศ สร้างเครือข่ายกับเพื่อนร่วมวงการในอุตสาหกรรม และร่วมรับชมเทคโนโลยีและนวัตกรรมล่าสุดต่าง ๆ ที่จัดแสดงในงานเพื่อเปลี่ยนแปลงประสบการณ์ของผู้บริโภคในยุคสมัยใหม่ของธุรกิจค้าปลีก กรุณาดูข้อมูลเพิ่มเติมจาก ภาคผนวก 1 หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ https://nrfbigshowapac.nrf.com/