โมนาโก, 27 เมษายน 2567 /PRNewswire/ -- จิตวิญญาณของนักแข่งระดับตำนานอย่างจูเซปเป 'นิโน่' ฟารินา (Giuseppe 'Nino' Farina) ซึ่งเป็นแชมป์โลกเอฟวัน (F1) คนแรก ได้หวนกลับมาสู่ท้องถนนในโมนาโกอีกครั้งในอีก 76 ปีให้หลัง นับตั้งแต่ที่คว้าชัยชนะบนสนามแข่งอันโด่งดังมาได้ ไอคอนวงการรถแข่งผู้นี้เป็นหลานชายของผู้ก่อตั้งคาร์รอซเซอเรีย ปินินฟารินา (Carrozzeria Pininfarina) อย่างแบตติสตา 'ปินิน' ฟารินา (Battista 'Pinin' Farina) และเป็นแรงบันดาลใจเบื้องหลังรถรุ่นออโตโมบิลี ปินินฟารินา แบตติสตา เอดิซิโอเน นิโน่ ฟารินา (Automobili Pininfarina Battista Edizione Nino Farina) โดยไฮเปอร์ จีที ไฟฟ้าล้วนที่ใช้ชื่อของนักแข่งระดับตำนานผู้นี้ได้หวนกลับมาสู่สนามแข่งอีกครั้ง ก่อนการแข่งขันรายการเอบีบี เอฟไอเอ ฟอร์มูลา อี โมนาโก อีปรีซ์ (ABB FIA Formula E Monaco E-Prix) ประจำปี 2567 ซึ่งมีนักแข่งจากทีมมาฮินดร้า เรซซิง (Mahindra Racing) อย่างนิค เดอ ฟรีส์ (Nyck de Vries) และเอโดอาร์โด มอร์ตารา (Edoardo Mortara) อยู่หลังพวงมาลัย
พวกเขาได้พิชิตสนามแข่งรถบนถนนอันเลื่องชื่อ โดยได้เฉิดฉายในสถานที่อันโดดเด่นมากมาย ทั้งซังต์ เดโวต (Saine Dévote) คาสิโน สแควร์ (Casino Square) และแกรนด์ โฮเทล แฮร์พิน (Grand Hotel Hairpin) ซึ่งเป็นมุมเดียวกับที่นิโน่ ฟารินา เคยสัมผัสในปี 2491
แบตติสตา เอดิซิโอเน นิโน่ ฟารินา ผลิตเพียงจำนวน 5 คันทั่วโลก มาพร้อมการออกแบบที่ยกย่องตำนานนักแข่งจากเมืองโตริโนอย่างนิโน่ ฟารินา โดยรถยนต์แต่ละคันจะเล่าถึงหนึ่งในห้าช่วงเวลาสำคัญของนิโน่ ทำให้มั่นใจได้ว่านักสะสมจะได้เป็นเจ้าของผลงานการออกแบบชิ้นเอกของอิตาลีที่ไม่ซ้ำใคร
ในปี 2493 นิโน่ ฟารินา ได้เข้าร่วมการแข่งขันกรังด์ปรีซ์ครั้งแรกที่จัดอย่างเป็นทางการโดยเอฟไอเอ (การแข่งขันฟอร์มูลาวันชิงแชมป์โลกในปัจจุบัน) โดยเป็นผู้นำทีมแข่งรถจำนวนสามคัน นิโน่ ฟารินา ได้ฝากผลงานความสำเร็จเอาไว้มากมาย และกวาดชัยชนะอันน่าทึ่งมาหลายครั้ง รวมถึงชัยชนะอันโด่งดังของเขาบนท้องถนนมอนติคาร์โลเมื่อปี 2491 เขาเป็นที่รู้จักจากความไม่เกรงกลัวใครเมื่อได้อยู่หลังพวงมาลัยและความหลงใหลในกีฬารถแข่ง ซึ่งยังคงเป็นสิ่งที่ดึงดูดแฟน ๆ ทั่วโลก
จอร์จิออส ไซโรปูลอส (Georgios Syropoulos) หัวหน้าผู้ทดสอบขับของออโตโมบิลี ปินินฟารินา กล่าวว่า "แบตติสตา เอดิซิโอเน นิโน่ ฟารินา รำลึกถึงตำนานที่ไม่มีใครโต้แย้งได้เกี่ยวกับตระกูลปินินฟารินาและมรดกที่ตกทอดมาถึงทุกวันนี้ โดยเป็นเรื่องราวแห่งจิตวิญญาณและความกล้าหาญ และจะมีวิธีใดที่จะดีไปกว่าการเฉลิมฉลองความทรงจำของเขาด้วยการขับรถที่มีชื่อของเขาไปรอบ ๆ ฉากเบื้องหลังชัยชนะที่ยิ่งใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ ของเขาเอง เส้นทางนักแข่งอาชีพอันแพรวพราวของเขากวาดชัยชนะอันน่าตื่นเต้นมาได้มากมาย และโมนาโกก็เป็นหนึ่งในสนามแข่งรถที่โดดเด่นที่สุดในโลก"
นิค เดอ ฟรีส์ นักแข่งประจำทีมมาฮินดร้า เรซซิง กล่าวว่า "เอโดและผมมีประสบการณ์ที่เหลือเชื่อในการขับแบตติสตา ซึ่งเป็นรถที่พิเศษจริง ๆ และผมก็ประทับใจกับสมรรถนะของรถรุ่นนี้มาก ผมรู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้ขับรถคันนี้ไปรอบ ๆ สนามแข่งโมนาโก อีปรีซ์ และบนถนนเปิดโล่ง"
ออโตโมบิลี ปินินฟารินา ได้รับสิทธิ์ในการเข้าถึงทรัพยากรและความเชี่ยวชาญของมาฮินดร้า เรซซิง ผ่านสายสัมพันธ์อันเหนียวแน่นจากการที่ทั้งสองแบรนด์อยู่ในเครือมาฮินดร้า กรุ๊ป (Mahindra Group)
แบตติสตา เอดิซิโอเน นิโน่ ฟารินา ยนตรกรรมสุดล้ำนี้ได้รับการออกแบบภายนอกอย่างโดดเด่นด้วยสีรอซโซ่ นิโน่ (Rosso Nino) แดงเข้มลุ่มลึก เข้ากันได้อย่างไร้ที่ติกับลายพิเศษบนตัวถังส่วนล่าง ฟินิชด้วยสีเบียงโก เซสตริเอเร (Bianco Sestriere) และไอโคนิกา บลู (Iconica Blu) พร้อมล้อกลอริโอโซ โกลด์ (Glorioso Gold) และกราฟิกด้านข้างตัวถังลาย '01' ที่สวยสะดุดตาเป็นพิเศษ
ตัวโครงภายนอกยังประกอบด้วยฟูริโอซา แพ็ก (Furiosa Pack) ครอบคลุมตัวสปลิตเตอร์หน้าคาร์บอนไฟเบอร์โฉมใหม่ กาบข้าง และดิฟฟิวเซอร์หลัง ตกแต่งด้วยแถบหมุดสีเบียงโก เซสตริเอเร ขณะที่คาร์บอน แอ็กเซ็นท์ แพ็ก (Carbon Accent Pack) ตกแต่งด้วยสีดำคาร์บอนอันเป็นเอกลักษณ์
ตกแต่งสีเข้มไปถึงหลังคาก็อกเชีย (Goccia) พร้อมจิวรีแพ็กภายนอก (Exterior Jewellery Pack) เคลือบอะลูมิเนียมขัดเงาชุบผิวสีดำ ควบคู่กับคาลิปเปอร์เบรกสีดำและวงแหวนล็อคตรงกลางที่เคลือบด้วยอะลูมิเนียมขัดเงาชุบผิวสีดำ
รายละเอียดภายนอกเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นนิโน่ ฟารินา ทั่วทั้งตัวรถ นอกจากนี้ยังมีรอยสลักชื่อ 'นิโน่ ฟารินา' บนชุดไฟหน้าที่เคลือบอะลูมิเนียมขัดเงาชุบผิวสีดำ ขณะที่ปีกข้างคาร์บอนด้านคนขับได้รับการเสริมด้วยลายกราฟิก 'นิโน่ ฟาริน่า' เช่นกัน
สำหรับภายในตัวรถนั้น เบาะนั่งคนขับหุ้มด้วยผ้าอัลคันทารา (Alcantara) สีดำ ตัดกันกับเบาะนั่งผู้โดยสารผ้าอัลคันทาราสีเบจ ซึ่งเบาะทั้งสองส่วนนี้ต่างมีหนังสีดำเกรดหรูที่มีความยั่งยืนรวมอยู่ด้วย ส่วนพนักพิงศีรษะสั่งทำพิเศษปักลายลอเรลหรีธ (laurel wreath) และลายกราฟิก '01' สีทองที่ด้านคนขับ ในขณะที่พนักพิงศีรษะผู้โดยสารมีโลโก้ออโตโมบิลี ปินินฟารินา ตัว 'f' สีแดง ทั้งยังตกแต่งด้วยสีรอซโซ่ นิโน่ ที่ด้านหลังของเบาะทั้งสองข้างเพื่อให้เข้ากับรูปลักษณ์ภายนอกด้วย
ตัวเบาะที่นั่งมาพร้อมเข็มขัดนิรภัยสีไอโคนิกา บลู ลงตัวกับรายละเอียดภายนอก พร้อมตะเข็บดูโอโทนสีเบจสลับแดงบริเวณคอนโซลระหว่างที่นั่ง หน้าปัด และที่นั่ง ทั้งยังตกแต่งโทนสีเข้มภายในตัวรถ โดยมีจิวรีตกแต่งภายใน (Interior Jewellery) ทำจากอะลูมิเนียมขัดเงาชุบผิวสีดำด้วย
รถที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่ได้รับอนุญาตให้วิ่งบนท้องถนนของอิตาลีรุ่นนี้ ขับเคลื่อนด้วยระบบส่งกำลังอันล้ำสมัย ให้กำลังถึง 1,900 แรงม้า และแรงบิด 2,340 นิวตันเมตร ไฮเปอร์ จีที ไฟฟ้าล้วนคันแรกของโลกรุ่นนี้ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนความจุสูง 120 kWh บรรจุอยู่ในคาร์บอนไฟเบอร์ที่แข็งแกร่งแต่มีน้ำหนักเบา ส่วนเทคโนโลยีควบคุมการออกตัวอันเป็นเอกลักษณ์ช่วยให้เร่งความเร็วได้เหนือกว่ารถแข่งฟอร์มูลา วัน โดยทำความเร็ว 0-60 ไมล์/ชม. ได้ใน 1.79 วินาที, อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 1.86 วินาที, อัตราเร่ง 0-120 ไมล์/ชม. ใน 4.49 วินาที และ 0-200 กม./ชม. ในเวลาเพียง 4.75 วินาที
ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ automobili-pininfarina.com/media-zone
หมายเหตุถึงบรรณาธิการ
เกี่ยวกับออโตโมบิลี ปินินฟารินา ออโตโมบิลี ปินินฟารินา (Automobili Pininfarina) มีสำนักงานใหญ่ฝ่ายปฏิบัติการอยู่ในเมืองกัมเบียโน ประเทศอิตาลี และสำนักงานฝ่ายการค้าในเมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนี โดยมีทีมงานซึ่งประกอบด้วยผู้บริหารมากประสบการณ์ในแวดวงยานยนต์จากแบรนด์รถยนต์ระดับหรูหราและพรีเมียม รถทั้งหมดของออโตโมบิลี ปินินฟารินา ออกแบบ วางระบบ และผลิตด้วยมือในอิตาลี โดยมุ่งรังสรรค์ประสบการณ์สำหรับบรรดาผู้กำหนดเทรนด์ทรงอิทธิพลอันดับต้น ๆ ของโลก พร้อมแฝงปรัชญาการออกแบบอย่างพูรา (PURA) เอาไว้ด้วย ปรัชญานี้จะแทรกตัวอยู่ในรถยนต์ที่ผลิตขึ้นในอนาคตทั้งหมด โดยนำแรงบันดาลใจแบบคลาสสิกมารวมเข้ากับเทคโนโลยีล้ำสมัยอย่างลงตัว
เกี่ยวกับออโตโมบิลี ปินินฟารินา แบตติสตา ( ดาวน์โหลดเอกสารประกอบข่าว )
แบตติสตา (Battista) เป็นรถที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยออกแบบและสร้างในอิตาลี โดยจะมอบสมรรถนะในระดับที่ยังไม่มีรถสปอร์ตแบบใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในที่ได้รับอนุญาตให้วิ่งบนท้องถนนรุ่นใดทำได้ในปัจจุบัน รถแบตติสตาทำความเร็วได้เหนือกว่ารถแข่งฟอร์มูลาวัน จากการที่ทำความเร็ว 0-100 กม./ชม.ได้ในเวลาไม่ถึง 2 วินาที ทั้งยังมีกำลัง 1,900 แรงม้า และแรงบิด 2,340 Nm รถแบตติสตาผสานวิศวกรรมและเทคโนโลยีขั้นสุดในรูปแบบที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ ขณะที่แบตเตอรี่ขนาด 120 kWh ของรถแบตติสตาให้พลังขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้า 4 ตัว ซึ่งติดไว้หนึ่งตัวในล้อแต่ละจุด มีระยะวิ่งตามมาตรฐาน WLTP ได้ไกล 476 กิโลเมตร และวิ่งตามมาตรฐาน US EPA ได้ไกล 300 ไมล์ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ทั้งนี้ รถแบตติสตาจะผลิตขึ้นไม่เกิน 150 คัน แต่ละคันจะผลิตด้วยมือที่โรงงานในเมืองกัมเบียโน ประเทศอิตาลี
รูปภาพ - https://mma.prnasia.com/media2/2398635/Automobili_Pininfarina_Battista_1.jpg?p=medium600
รูปภาพ - https://mma.prnasia.com/media2/2398636/Automobili_Pininfarina_Battista_2.jpg?p=medium600
รูปภาพ - https://mma.prnasia.com/media2/2398637/Automobili_Pininfarina_Battista_3.jpg?p=medium600
รูปภาพ - https://mma.prnasia.com/media2/2398641/Automobili_Pininfarina_Battista_4.jpg?p=medium600
รูปภาพ - https://mma.prnasia.com/media2/2398645/Automobili_Pininfarina_Battista_5.jpg?p=medium600
รูปภาพ - https://mma.prnasia.com/media2/2398646/Automobili_Pininfarina_Battista_6.jpg?p=medium600
โลโก้ - https://mma.prnasia.com/media2/1316779/Automobili_Pininfarina_Logo.jpg?p=medium600