ปักกิ่ง, 10 พฤษภาคม 2567 /พีอาร์นิวส์ไวร์/ -- เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา จีนและฮังการีได้ตัดสินใจยกระดับความสัมพันธ์ทวิภาคีสู่การเป็น "หุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์รอบด้านสำหรับยุคใหม่"
การตัดสินใจดังกล่าวได้รับการประกาศออกมาในขณะที่มีการหารือระหว่างประธานาธิบดีสี จิ้นผิง (Xi Jinping) ของจีนที่มาเยือน และนายกรัฐมนตรีวิกเตอร์ ออร์บาน (Viktor Orban) ของฮังการี
ผู้นำทั้งสองยืนยันว่า การตัดสินใจในครั้งนี้ได้กำหนดแนวทางการพัฒนาความสัมพันธ์จีน-ฮังการีในอนาคตเพื่อยกระดับความสัมพันธ์ทวิภาคีสู่จุดสูงสุด และจะเป็นแรงผลักดันอันทรงพลังให้กับความร่วมมือทวิภาคี พร้อมกับสร้างอนาคตที่ดีกว่าให้กับประชาชนของทั้งสองฝ่าย
เนื่องในโอกาสครบรอบ 75 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีนกับฮังการี ประธานาธิบดี สีจิ้นผิงจึงเรียกร้องให้ทั้งสองประเทศรักษาความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันด้วยการไว้ใจซึ่งกันและกัน และยังคงเป็นหุ้นส่วนที่ดีสำหรับความร่วมมือที่ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย
"หุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์รอบด้านสำหรับยุคใหม่"
ก่อนการเดินทางไปเยือนฮังการี ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้ให้สัมภาษณ์ลงบทความที่ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ Magyar Nemzet ของฮังการี โดยกล่าวว่าความสัมพันธ์ทวิภาคีที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ได้เริ่มต้นการเดินทางอันรุ่งเรืองแล้ว
จากรายงานการลงทุนและความร่วมมือระหว่างจีน-ฮังการีพบว่า ปริมาณการค้าขายระหว่างสองประเทศในปี 2566 มีมูลค่าถึง 14.52 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 73 เมื่อเทียบกับปี 2556 ในขณะเดียวกัน การลงทุนโดยตรงของจีนในฮังการีมีมูลค่าสูงถึง 7.6 พันล้านยูโรในปี 2566 ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 58 ของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศทั้งหมดของฮังการี
ฮังการีนับเป็นประเทศแรกในยุโรปที่ลงนามในเอกสารความร่วมมือ Belt and Road กับจีน ส่งผลให้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โครงการ Belt and Road ได้เข้ามามีส่วนร่วมกับกลยุทธ์ Eastern Opening ของฮังการีอย่างใกล้ชิดมากขึ้น โดยยกระดับความร่วมมือระหว่างสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นทั้งในด้านการค้า การลงทุน การเงิน และด้านอื่น ๆ
เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว บริษัท BYD ผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีน ได้ประกาศสร้างโรงงานผลิตรถยนต์นั่งส่วนบุคคลพลังงานใหม่แห่งแรกในยุโรปที่ประเทศฮังการี ซึ่งปีเตอร์ ซิจจาร์โต (Peter Szijjarto) รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศและการค้าของฮังการี ได้อธิบายว่า "โครงการนี้เป็นหนึ่งในโครงการลงทุนที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์เศรษฐกิจของฮังการี"
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กล่าวกับ นายกรัฐมนตรีวิกเตอร์ ออร์บาน ของฮังการีว่า การสร้างความทันสมัยแบบจีน (Chinese modernization) จะสร้างโอกาสมากมายให้กับฮังการีและประเทศอื่น ๆ ทั่วโลกอย่างแน่นอน ทั้งยังเสริมอีกว่า จีนยินดีให้ฮังการีร่วมเป็นพันธมิตรบนเส้นทางการพัฒนาของประเทศจีน
ในระหว่างการพบปะกับประธานาธิบดีทามาส ซูลยอก (Tamas Sulyok) ของฮังการี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กล่าวว่า จีนยินดีที่จะร่วมมือกับฮังการีเพื่อส่งเสริมการทำงานร่วมกันที่มากขึ้นระหว่างการสร้างความทันสมัยแบบจีนกับกลยุทธ์ Eastern Opening ของฮังการี โดยนำพาความร่วมมือภายใต้โครงการริเริ่ม Belt and Road ตลอดจนความร่วมมือระหว่างจีนกับประเทศในยุโรปกลางและยุโรปตะวันออก รวมถึงการกระชับความสัมพันธ์ และความร่วมมือแบบทวิภาคีให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
การกระชับมิตรภาพระหว่างจีน-ฮังการี
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เน้นย้ำในบทความที่ให้สัมภาษณ์ว่า การเชื่อมโยงระหว่างประชาชนเป็นแหล่งพลังอันมหาศาลที่ไม่มีที่สิ้นสุดสำหรับความสัมพันธ์จีน-ฮังการี และเสริมอีกว่า ยิ่งมีการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนทั้งสองมากเท่าไร รากฐานของมิตรภาพก็จะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น
ก่อนถึงเทศกาลตรุษจีนในปี 2566 นักเรียนสองคนจากโรงเรียนสองภาษาฮังการี-จีนในบูดาเปสต์ได้เขียนจดหมายถึง ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงและศาสตราจารย์เผิง ลี่หยวน ผู้เป็นภริยา เพื่อแสดงความยินดีในวันปีใหม่และแสดงความตั้งใจที่จะศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยของจีน
ประธานาธิบดีสีได้ตอบกลับจดหมายดังกล่าว โดยส่งเสริมให้เยาวชนฮังการีเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับจีน และเชิญชวนให้ก้าวขึ้นมาเป็นทูตผู้สานสัมพันธ์ระหว่างจีน-ฮังการี
ด้วยเหตุนี้ มหาวิทยาลัยหลายแห่งในจีนจึงมีการเพิ่มวิชาภาษาฮังการีไว้ในหลักสูตร ในขณะเดียวกัน สถาบันขงจื๊อและห้องเรียนขงจื๊อที่เปิดสอนภาษาจีนก็กำลังได้รับความนิยมและมีผู้เข้าร่วมมากขึ้นในฮังการี
นอกจากนี้ การแลกเปลี่ยนและเยี่ยมชมระดับภูมิภาคย่อยก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน ส่งผลให้เที่ยวบินโดยสารตรงมีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็นสองหลักต่อสัปดาห์ พร้อมกับมีมาตรการอำนวยความสะดวกในการเดินทางแบบไปกลับ ซึ่งให้ผลลัพธ์ที่สำคัญ
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายสนับสนุนการเรียนการสอนภาษาของกันและกันต่อไป รวมถึงส่งเสริมให้มีการสื่อสารและการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างประชาชนกับสถาบันของทั้งสองประเทศให้มากขึ้น
นายกรัฐมนตรีวิกเตอร์ ออร์บานเน้นย้ำว่า การพัฒนาของจีนเป็นโอกาสมากกว่าความเสี่ยงต่อยุโรป ทั้งเขาบอกกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงว่า ฝั่งฮังการีไม่เห็นด้วยกับวาทกรรมที่เรียกว่า "กำลังการผลิตส่วนเกิน" หรือ "การลดความเสี่ยง"
"ความมุ่งมั่นของฮังการีในการกระชับความร่วมมือกับจีนนั้นไม่มีวันเปลี่ยนแปลง และจะไม่สั่นคลอนแม้เผชิญแรงกดดันใด ๆ" เขากล่าว