สิงคโปร์—7 ส.ค.—พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์
จากพื้นที่เพาะปลูกในประเทศไทยสู่โรงงานและห้องปฏิบัติการสุดล้ำสมัยในรัฐยะโฮร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อเร็วๆนี้ Asia Plantation Capital ได้นำเข้าชิ้นไม้และผงไม้กฤษณาที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน CITES ทั้งสิ้น 5,000 กิโลกรัม เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการดำเนินการขั้นสุดท้าย
เศรษฐกิจในพื้นที่ชนบททั้งของไทยและมาเลเซีย ต่างได้รับผลประโยชน์จากกระแสความต้องการต้นกฤษณาซึ่งปลูกบนพื้นที่เพาะปลูกที่มีความยั่งยืนเพื่อนำไปผลิตไม้กฤษณา อันเป็นวนผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้ายที่มีราคาสูงที่สุดในโลก (ต่อกิโลกรัม) ไม่ว่าจะในรูปแบบหัวน้ำมันหอมระเหย ชื้นไม้หอม ผง หรือไม้แกะสลักอันงดงาม
Asia Plantation Capital ได้รับการยอมรับในฐานะบริษัทชั้นนำของโลก ด้านการเพาะปลูกและบริหารจัดการป่าไม้ ด้วยการเข้าถึงที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับความมุ่งมั่นอันไม่ลดละในการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ได้รับสิทธิบัตร จนสามารถนำต้นกฤษณาพันธุ์เอควิลาเรียที่ใกล้สูญพันธุ์ (ซึ่งเป็นแหล่งสกัดน้ำมันกฤษณาและผลิตชิ้นไม้สับ) กลับคืนสู่ถิ่นกำเนิดตามธรรมชาติ และด้วยจิตสำนึกแห่งความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ทาง Asia Plantation Capital ได้มีการต่อยอดธุรกิจในเอเชียในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ด้วยการบริหารจัดการพื้นที่เพาะปลูกไม้กฤษณาอย่างยั่งยืนในไทย ศรีลังกา และมาเลเซีย เช่นเดียวกับธุรกิจร่วมทุนในอินเดีย ลาว จีน และเมียนมาร์ ปัจจุบัน Asia Plantation Capital จึงสามารถนำเสนอสายพันธุ์และผลิตภัณฑ์จากไม้กฤษณาที่หลากหลายที่สุดในตลาดโลก
ผลิตภัณฑ์ไม้กฤษณาทั้งหมดของ Asia Plantation Capital สามารถรับรองคุณภาพได้ถึงแหล่งที่มา ตลอดจนวันปลูก การรับรองอื่นๆที่เกี่ยวข้อง และข้อผูกมัดในการปลูกคืน โดย Asia Plantation Capital มีความมุ่งมั่นที่จะปลูกต้นอ่อนอย่างน้อยหนึ่งต้น เพื่อทดแทนต้นไม้ทุกต้นที่ถูกเก็บเกี่ยว ส่งผลให้วงจรการผลิตมีความยั่งยืน 100%
"การนำเข้าไม้ล็อตแรกมายังโรงงานและโรงกลั่นแห่งใหม่ของเราในรัฐยะโฮร์ ประเทศมาเลเซียนั้น เป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการ ซึ่งจะแปรรูปผลผลิตมากถึง 25,000 กิโลกรัมต่อเดือนที่โรงงานและโรงกลั่นในรัฐยะโฮร์" สตีฟ วัตส์ ซีอีโอของ Asia Plantation Capital Berhad กล่าว "เราได้เลือกรัฐยะโฮร์เป็นสถานที่ตั้งโรงงานอันทันสมัยเมื่อพิจารณาในแง่ของทำเล ซึ่งมีการเชื่อมต่อที่สะดวกสบายทั้งทางรถไฟ ถนน และทะเล ไปยังตลาดส่งออกรายใหญ่ๆ นอกจากนี้ ยังเปิดโอกาสให้เราสามารถรวมศูนย์การผลิตทั่วเอเชียในโรงงานที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อรองรับจุดประสงค์นี้ และยังตั้งอยู่ใกล้กับตลาดซื้อขายไม้กฤษณารายใหญ่อย่างสิงคโปร์และจีน ซึ่งเรามีโรงงานที่ถือกำเนิดขึ้นจากธุรกิจร่วมทุนกับผู้ผลิตไม้กฤษณารายใหญ่ที่สุดในจีนอย่าง Hua Lin Group"
"ในรัฐยะโฮร์ เรามีระบบดำเนินงานที่มีการบูรณาการอย่างเป็นเลิศ ซึ่งเราได้พัฒนาขึ้นในไทยและจีน และได้รับการควบคุมดูแลโดยผุ้บริหารคนสำคัญจากคณะผู้บริหารที่ดูไบ ซึ่งอยู่ภายใต้การนำโดยคุณอาห์เหม็ด อาวัด" นายวัตส์ กล่าวต่อ "กล่าวได้เลยว่า ทุกๆวันนี้ทุกคนแทบจะรู้จักน้ำมันกฤษณา เนื่องด้วยความนิยมในอุตสาหกรรมน้ำหอมระดับโลก อย่างไรก็ตาม น้อยคนนักที่ทราบว่า ชิ้นไม้สับหอมนั้นมีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าเกือบ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์นี้ โดยเราเชื่อว่า มีบริษัทไม่มากนักในตลาด ซึ่งให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้ายที่แสนจะดึงดูดและเป็นที่ต้องการได้อย่างที่ Asia Plantation Capital ทำ"
Asia Plantation Capital มีเป้าหมายที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำเสนอผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียมที่มีความยั่งยืนและเป็นไปตามมาตรฐาน CITES ในตลาดโลก ซึ่งคุณอาห์เหม็ดและทีมงานกำลังเดินหน้าสู้เป้าหมายนี้ ด้วยกลวิธีใหม่ๆเพื่อยกระดับคุณภาพและส่วนแบ่งตลาด ดังที่ได้รับการถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นในตะวันออกกลาง นับเป็นบทสะท้อนที่ไม่ได้ชี้ให้เห็นถึงคุณค่าของสินค้าเพียงเท่านั้น แต่ยังแสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมและความสำคัญทางประวัติศาสตร์ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ วิทยาการสมัยใหม่ก็ได้เข้ามามีส่วน โดยทางคณะกรรมการที่ปรึกษาทางวิทยาศาสตร์ของบริษัท ซึ่งประกอบไปด้วยบุคลากรชั้นแนวหน้าของอุตสาหกรรมจากไทย จีน ตะวันออกกลาง และล่าสุด อินเดีย ได้มีการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง
"เมื่อนับรวมธุรกิจร่วมทุนกับ Hua Lin ในจีนแล้ว" นายวัตส์ กล่าวต่อ "เรามีคณะผู้เชี่ยวชาญชั้นนำด้านผลิตภัณฑ์กฤษณาจากสองตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งล้วนมีความรอบรู้และเชี่ยวชาญเจาะลึกอย่างชนิดที่เรียกได้กว่าเหนือกว่าคู่แข่ง"
เมื่อวิเคราะห์ภาพรวมอุตสาหกรรมอย่างละเอียดแล้วจะพบว่า ผลิตภัณฑ์ไม้กฤษณาซึ่งวางจำหน่ายตามตลาด 'High Streets' ทั่วโลกนั้นมีความหลากหลายทั้งในแง่ของประเทศที่มาและสายพันธุ์ ซึ่งแต่ละประเภทล้วนมีลักษณะเฉพาะอันเป็นที่ต้องการของแต่ละตลาด แต่ก็เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า ระบบการทำงานที่ทาง APC ได้พัฒนาตลอดช่วง 7 ปีที่ผ่านมานั้นได้มอบผลลัพธ์อันเป็นที่ประจักษ์ดี ทั้งนี้ บริษัทมีปรัชญาการทำธุรกิจด้วยความหลากหลาย โดยไม่ทำให้คุณภาพของผลิตภัณฑ์ลดลง
"หลายๆคนอาจเชื่อว่านี่เป็นเพียงแค่การปลูกต้นไม้และรอให้เติบโต" สตีฟ วัตส์ กล่าวสรุป "แต่ที่ Asia Plantation Capital เรามองว่า การผนวกรวมวิทยาศาสตร์และธรรมชาติเข้าไว้ด้วยกันนั้น นำมาซึ่งโอกาสในการคว้าชัยชนะ เพื่อสร้างความมั่นใจว่าเราสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพจากหลากหลายแหล่งที่มา ซึ่งสามารถตอบรับกับความต้องการทั้งหมดของบรรดากลุ่มผู้ซื้อที่มีสายตาเฉียบแหลม"
Fragrance Du Bois ผลิตภัณฑ์น้ำมันจากพื้นที่เพาะปลูกในไทย และแบรนด์พันธมิตรของ Asia Plantation Capital นั้น ได้รับการผสมอยู่ในน้ำหอมชั้นดี ซึ่งวางจำหน่ายในปารีส นิวยอร์ก ดูไบ ฮ่องกง สิงคโปร์ กัวลาลัมเปอร์ กรุงเทพฯ และลอนดอน เช่นเดียวกับที่บรูไน นอกจากนี้ ยังมีแผนขยายตลาดไปยังเยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ และซาอุดิอาระเบียในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ ส่วนน้ำมันชนิดอื่นๆจาก Asia Plantation Capital ที่มีการผลิตอย่างยั่งยืนเช่นกัน สามารถพบได้ตามแบรนด์หรูชั้นนำทั่วโลก
ผลผลิต 5,000 กิโลกรัมซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินงานในโรงงานแห่งใหม่ของ Asia Plantation Capital ในรัฐยะโฮร์นั้น มีเป้าหมายเพื่อส่งออกไปยังกลุ่มผู้ค้าปลีกในประเทศริมอ่าวเปอร์เชีย ซึ่งทางบริษัทมีแผนก่อสร้างโรงงานขนาดใหญ่แห่งที่สองในพื้นที่นี้เช่นกัน โดยโรงงานแห่งใหม่ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์จะรองรับกระบวนการแปรรูปและผลิตในภูมิภาค และจะช่วยต่อยอดธุรกิจค้าส่งและค้าปลีกเดิมของ Asia Plantation Capital ในภูมิภาคหลังจากที่ได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2553
หมายเหตุถึงบรรณาธิการ:
เกี่ยวกับ Asia Plantation Capital
Quick facts:
Asia Plantation Capital เป็นเจ้าของและผู้ดำเนินธุรกิจเพาะปลูกและฟาร์มเชิงพาณิชย์อันหลากหลายในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและทั่วโลก ซึ่งอยู่ในเครือของ Asia Plantation Capital Group โดยจุดมุ่งหมายหลักของบริษัทคือ โครงการเพาะปลูกหลากประเภทในหลายวัฒนธรรม เพื่อรองรับความต้องการในประเทศและความต้องการเชิงพาณิชย์ของประเทศที่บริษัทดำเนินงานอยู่ หลักการดำเนินงานของบริษัทคือ การร่วมงานอย่างใกล้ชิดและให้การสนับสนุนอันดีแก่ชุมชนท้องถิ่น เพื่อส่งเสริมคุณค่าทางสังคมและวัฒนธรรมรวมทั้งการลงทุน เพื่อดึงชุมชนเหล่านี้ให้ออกจากวงจรการตัดไม้ทำลายป่าและการตัดไม้อย่างผิดกฎหมาย ซึ่งก่อนหน้านี้ถือเป็นแหล่งรายได้หลักของบางพื้นที่ในเอเชีย ทั้งนี้ บริษัทจัดตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2551 (แม้ว่าได้มีการดำเนินงานมาตั้งแต่ปี 2545) ปัจจุบันเครือบริษัทมีโครงการเพาะปลูกและการเกษตรใน 4 ทวีป ได้แก่ โครงการดำเนินงานในขั้นต่างๆในประเทศไทย มาเลเซีย จีน ลาว อินเดีย กัมพูชา ศรีลังกา เมียนมาร์ เวียดนาม อเมริกาเหนือ และยุโรป
การส่งเสริมการใช้ไม้ที่ได้รับการรับรองนั้น เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันการตัดไม้ทำลายป่า ทั้งยังช่วยรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ รวมถึงต่อสู้กับปัญหาความยากจนในภูมิภาคป่าฝนเมืองร้อน และสำหรับวงการเดินเรือยอชต์ที่มีการใช้ไม้สักจำนวนมาก ทั้งยังแสวงหาความเป็นเลิศและมีส่วนร่วมในการปกป้องสิ่งแวดล้อมนั้น นี่เป็นอีกหนทางหนึ่งเพื่อสร้างความมั่นใจว่าจะไม่มีการนำไม้ที่ผิดกฎหมายมาใช้กับเรือยอชต์
เกี่ยวกับ Fragrance Du Bois
Fragrance Du Bois เป็นแหล่งรวมน้ำหอมสุดหรูที่มีลูกค้าเฉพาะกลุ่ม ซึ่งประสานงานอย่างใกล้ชิดกับแหล่งเพาะปลูกที่มีความยั่งยืนในเอเชีย เพื่อนำเสนอน้ำหอมที่ผลิตจากน้ำมันกฤษณาธรรมชาติ 100% สู่ตลาดเอ็กซ์คลูซีฟทั่วโลก Fragrance Du Bois เป็นแบรนด์น้ำหอมสุดหรูที่มีจิตสำนึกที่ดี ด้วยการเสาะแสวงหาวัตถุดิบคุณภาพเยี่ยมอย่างยั่งยืนจากทั่วโลก พร้อมร่วมงานกับบรรดาผู้ผลิตน้ำหอมชาวฝรั่งเศสเพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์อันหลากหลาย อีกทั้งยังนำเสนอบริการผลิตน้ำหอมตามความต้องการของลูกค้าด้วย Fragrance Du Bois มีร้านจำหน่ายน้ำหอมสุดเอ็กซ์คลูซีฟทั่วโลก ทั้งในดูไบ ฮ่องกง ไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์ เพื่อสร้างประสบการณ์การเลือกซื้อน้ำหอมที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้า
Fragrance Du Bois เป็นที่รู้จักในชื่อ Parfums Du Bois ในฝรั่งเศส และใช้ชื่อ Fragrance Du Bois ในตลาดที่ไม่ใช้ภาษาฝรั่งเศสทั่วโลก
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ:
เอเดรียน เฮง
ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด
อีเมล: adrian.heng@asiaplantationcapital.com
สำนักงาน: +65-6222-3386
มือถือ: +65-9750-7440