ฉางโจว, จีน--23 ส.ค.--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์
ทรินา โซลาร์ (Trina Solar) ผู้ผลิตเซลล์แสงอาทิตย์ชั้นนำ เป็นที่จับตาในแวดวงอุตสาหกรรมนับตั้งแต่ที่บริษัทได้เพิกถอนหลักทรัพย์ออกจากตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ และกลายเป็นบริษัทเอกชนในเดือนมีนาคม 2560 แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาผู้เล่นส่วนใหญ่ในภาคพลังงานแสงอาทิตย์จะต้องรับมือกับอุปสรรคนานัปการ แต่คุณเกา จีฟ่าน ประธานของทรินา โซลาร์ เปิดเผยระหว่างการให้สัมภาษณ์เมื่อไม่นานมานี้ว่า เงินสดคงเหลือของบริษัทยังคงอยู่ในระดับสูง โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2561 บริษัทมีปริมาณยอดขายมากกว่า 4 กิกะวัตต์ ซึ่งรวมถึงยอดขายโมดูลและโซลาร์ฟาร์ม สร้างรายได้ให้กับบริษัทมากกว่า 2.04 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นกว่า 13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และคาดว่าทั้งปี 2561 รายได้จากการขายทั้งหมดจะสูงกว่าที่ทำได้ในปี 2560
กลยุทธ์โลกาภิวัตน์ช่วยลดความเสี่ยง
ปัจจุบัน ทรินา โซลาร์ ขยายการดำเนินงานไปใน 103 ประเทศทั่วโลก โดยมีสำนักงานกระจายอยู่ใน 40 ประเทศ และพนักงานจาก 38 ประเทศ ข้อมูลสถิติแสดงให้เห็นว่า ผลิตภัณฑ์ของบริษัทครอบคลุมการใช้งานทั่วโลกกว่า 9 กิกะวัตต์ นอกจากนี้ คุณเกายังเชื่อว่าการสร้างระบบธุรกิจแบบโลกาภิวัตน์จะช่วยให้ทรินา โซลาร์ รับมือกับความผันผวนของตลาดได้ดีขึ้น เพราะเมื่อเกิดความผันผวนในตลาดหนึ่ง ตลาดอื่น ๆ จะช่วยให้เกิดความสมดุลขึ้น
"แม้ตลาดอยู่ในสถานะที่ดีที่สุด ทั้งในจีนและต่างประเทศ แต่เรายังคงสามารถรับประกันอุปทานในต่างประเทศได้ โดยในปี 2560 ทรินา โซลาร์ ทำยอดขายในต่างประเทศได้มากกว่ายอดขายในจีน และจากมุมมองด้านอุปทาน ตลาดต่างประเทศสามารถครองส่วนแบ่งกว่า 55% นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทรินา โซลาร์ยังคงสถานะอันมั่นคงแข็งแกร่งเหนือสถานการณ์ความผันผวนในตลาด ทั้งยังสร้างความเชื่อมั่นว่าจะสามารถเติบโตขึ้นจากปีก่อน เมื่อเทียบกับแนวโน้มของตลาด" คุณเกา กล่าว
ทรินา โซลาร์ มีศูนย์การจัดการหลักด้วยกันทั้งหมด 6 แห่ง ในจีน ญี่ปุ่น สิงคโปร์ สหรัฐ ยุโรป และลาติน อเมริกัน อย่างไรก็ดี บริษัทไม่ได้มีเป้าหมายอยู่ที่การขยายการดำเนินงานไปทั่วโลกเท่านั้น แต่ยังตั้งเป้าที่จะขยายการดำเนินงานในระดับท้องถิ่นอย่างค่อยเป็นค่อยไปด้วยเช่นกัน นอกเหนือจากตลาดที่พัฒนาแล้ว อย่างสหรัฐ ยุโรป และญี่ปุ่น ทรินา โซลาร์ ยังได้เริ่มมองหาโอกาสในตลาดเกิดใหม่นับตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นมา ซึ่งรวมถึงประเทศและภูมิภาคที่บริษัทเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว เช่น ยูเครน ตะวันออกกลาง เวียดนาม ไทย ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย โดยทรินา โซลาร์ มีส่วนแบ่งทางการตลาดกว่า 60% ในประเทศเกิดใหม่บางแห่ง และมีส่วนแบ่งทางการตลาดอย่างน้อย 20-30% ในตลาดอื่น ๆ
อยู่ในสังเวียนด้วยกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง
คุณเกาเปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งแรกของปี 2561 ทรินา โซลาร์ ประสบความสำเร็จในการขายโซลาร์ฟาร์มบางแห่ง ซึ่งมีกำลังการผลิตกระแสไฟฟ้ารวมอยู่ที่ประมาณ 900 เมกะวัตต์ สิ่งนี้ช่วยให้ทรินา โซลาร์ มีเงินสดเพิ่มขึ้น และลดอัตราส่วนหนี้สินของบริษัทได้อย่างมีประสิทธิภาพ "นอกจากนี้ เราจะยังคงให้บริการการจัดการระยะกลางและระยะยาวเพื่อช่วยควบคุมโซลาร์ฟาร์มเหล่านี้"
อัตราส่วนหนี้สินของทรินา โซลาร์ ได้ลดลงเหลือ 62% ในช่วงกลางปี เมื่อเปรียบเทียบกับ 67.5% ในช่วงต้นปี ขณะที่เงินสดสำรองของทรินา โซลาร์ก็ยังคงอยู่ในระดับที่ดี โดย ณ สิ้นปีที่แล้ว เงินสดสำรองของทรินา โซลาร์ อยู่ที่ 643 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และ ณ วันที่ 30 มิ.ย. 2561 เพิ่มขึ้นแตะที่ 687 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ในขณะเดียวกัน วงเงินสินเชื่อรวมของทรินา โซลาร์ นั้นสูงกว่า 2.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และยังมีงบดุล 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ถึงแม้ต้องเผชิญหน้ากับการปรับตัวในอุตสาหกรรม แต่ทรินา โซลาร์ ก็ยังสามารถเติบโตได้ด้วยดี
ภายใต้การบริหารอันแข็งแกร่งของคุณเกา จีฟ่าน บริษัททรินา โซลาร์ ยังได้จัดตั้งคณะกรรมการบริหารความเสี่ยง ซึ่งคุณเกากล่าวว่า "เราได้ประเมินความเสี่ยงสำคัญตามที่มีการคาดการณ์ และมุ่งจัดการความเสี่ยงที่สำคัญเหล่านี้"
อยู่ในจุดสูงสุดยอดของการแข่งขัน ด้วยการเพิ่มกำลังการผลิตและการทำซ้ำ
กำแพงการค้าระหว่างประเทศที่กำลังปรับตัวสูงขึ้นนั้น นับว่าสวนทางกับกระแสโลกาภิวัตน์ของการพัฒนาธุรกิจ โดยทรินา โซลาร์ ได้พิจารณาทั้งสองปัจจัยดังกล่าวเมื่อเริ่มร่างแผนการการปรับเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าสำหรับยุคโลกาภิวัตน์เมื่อไม่กี่ปีก่อน บริษัทได้เดินเครื่องผลิตโซลาร์เซลล์ด้วยกำลังการผลิต 1 กิกะวัตต์ และโมดูล 1 กิกะวัตต์ในประเทศไทย ตามด้วยโรงงานผลิตเซลล์ 1 กิกะวัตต์ในเวียดนาม และโรงงานผลิตโมดูล 700 เมกะวัตต์ในมาเลเซีย ซึ่งได้เปิดดำเนินการเมื่อไม่นานมานี้ นอกจากนี้ บริษัทยังมีพันธมิตรด้านการผลิตโมดูลในตุรกีอีกด้วย เมื่อรวมเข้ากับกำลังการผลิตภายในประเทศ ส่งผลให้ปัจจุบัน บริษัทมีกำลังการผลิตเซลล์และโมดูลรวมประมาณ 8.5 กิกะวัตต์ และ 8.5 กิกะวัตต์ทั่วโลก ตามลำดับ
คุณเกากล่าวว่า "ในแง่ของกำลังการผลิต เราได้ทำให้แน่ใจว่า การผลิตของเรามีประสิทธิภาพในเชิงโครงสร้างมากกว่าแค่ในเชิงปริมาณ เนื่องจากเราต้องการรักษาความสามารถในการแข่งขันและความเป็นผู้นำด้านกำลังการผลิตของเราเอง" ความร่วมมือด้านกำลังการผลิตกับบรรดาพันธมิตรในต่างประเทศจะต้องเป็นไปตามระบบคุณภาพของทรินา โซลาร์อย่างเคร่งครัด ซึ่งรวมถึงการใช้วัสดุและผู้จัดจำหน่ายตามที่กำหนด เพื่อลดช่องว่างด้านกำลังการผลิต ควบคู่ไปกับการรักษาคุณภาพของผลิตภัณฑ์
ในส่วนของการวางแผนโครงสร้างนั้น ทรินา โซลาร์ ยังคงพุ่งเป้าไปที่การทำซ้ำกำลังการผลิต โดยหลังจากที่ได้พิจารณาอุปทานในตลาดและทิศทางของเทคโนโลยีโดยรวม ทรินา โซลาร์ จึงได้ตัดสินใจยกระดับและปรับเปลี่ยนกำลังการผลิตในปีนี้ โดยขณะนี้ บริษัทกำลังอยู่ระหว่างการแปลงกำลังผลิตขนาด 2 กิกะวัตต์เข้าสู่กระบวนการผลิต MCCE แบบโพลีคริสตัลไลน์ที่มีประสิทธิภาพสูง และจะดำนินการแปลงกระบวนการผลิตเป็นระบบ PERC และ PERT ที่มีกำลังผลิตอยู่ที่ราว 3.5 กิกะวัตต์ให้เสร็จสิ้นภายในปีนี้ ตามด้วยการเพิ่มกำลังผลิตอีก 3 กิกะวัตต์ในช่วงกลางปี 2562 ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทมีกำลังการผลิต PERC และ PERT รวมทั้งสิ้น 6.5 กิกะวัตต์
ในขณะเดียวกัน ทรินา โซลาร์ กำลังหาทางขยายกำลังการผลิตควบคู่ไปกับการปรับลดกำลังคน ด้วยการนำเครื่องจักรอัจฉริยะและอัตโนมัติมาใช้ โดยในปี 2553 ทรินา โซลาร์ มีพนักงานอยู่16,000 คน และมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 1.5 กิโลวัตต์ ต่อมาบริษัทได้ลดพนักงานลงเหลือ 15,000 คน ขณะที่กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 8.5 กิกะวัตต์ นอกจากนี้ บริษัทยังมีส่วนร่วมในการพัฒนาโซลูชั่นพลังงานแสงอาทิตย์อัจฉริยะครบวงจร และ Energy Internet ตลอดจนการพัฒนาในด้านอื่น ๆ อีกด้วย
ตอบสนองความท้าทายด้วยการพลิกโฉมธุรกิจเต็มรูปแบบ
เพื่อรับมือกับความท้าทายในยุคดิจิทัล ทรินา โซลาร์ กำลังสั่งสมประสบการณ์ด้านวัตกรรมและการปฏิวัติ ทั้งในส่วนของการบริหารจัดการภายในและด้านผลิตภัณฑ์จากภายนอก ทรินา โซลาร์ได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินธุรกิจ จากเดิมที่มีบทบาทเป็นผู้จัดการมืออาชีพ มาเป็นรูปแบบของพันธมิตรทางธุรกิจ โดยตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมา บริษัทได้ตัดสินใจที่จะขับเคลื่อนหน่วยธุรกิจและแพลตฟอร์มต่าง ๆ ในเชิงรุก ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่การผลิต การขาย ไปจนถึงโซลูชั่นโมดูลแสงอาทิตย์ขั้นปลายน้ำ และ Energy Internet
ในส่วนของมุมมองจากภายนอกนั้น อีกหนึ่งตัวอย่างที่แสดงให้เห็นทิศทางการปฏิรูปของทรินา โซลาร์ได้เป็นอย่างดี นอกเหนือไปจากระบบการบริหารจัดการดังที่กล่าวมาข้างต้น ก็คือการที่บริษัทได้เปิดตัวโซลูชั่นพลังงานแสงอาทิตย์อัจฉริยะ "TrinaPro" เมื่อเดือนมี.ค. 2561
TrinaPro เป็นระบบพลังงานแสงอาทิตย์อัจฉริยะแบบออลอินวัน ที่มาพร้อมกับส่วนประกอบในระดับพรีเมี่ยม และได้รับการบูรณาการระบบมาอย่างเหมาะสม อีกทั้งยังมีการเชื่อมต่อระบบ O&M อัจฉริยะ "ระบบ TrinaPro สามารถรับรู้ได้ถึงสภาพแวดล้อมโดยรวม และคำนวณวิธีการซึ่งจะทำให้สามารถผลิตไฟฟ้าออกมาให้มากที่สุดได้อย่างอัตโนมัติ ด้วยการนำเอาโมดูลแสงอาทิตย์แบบสองหน้า ระบบติดตาม และระบบอินเวอร์เตอร์อัจฉริยะมาผสานรวมไว้ด้วยกัน ซึ่งทำให้สามารถผลิตไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้นถึง 30%" คุณเกากล่าว "เราไม่ได้ใช้โมดูลผลิตไฟฟ้าแบบง่าย ๆ อีกต่อไปแล้ว แต่ด้วยการใช้ประโยชน์จากพลังอำนาจของข้อมูลและการออกแบบระบบที่เหมาะสม เราจึงมีประสิทธิภาพโดยรวมเพิ่มขึ้นอีก และเพื่อมอบมูลค่าที่เพิ่มขึ้นมหาศาลให้กับลูกค้าของเรา ทรินา โซลาร์ได้เปลี่ยนบทบาทจากผู้จำหน่ายสินค้ามาเป็นผู้จัดหามูลค่าที่เพิ่มขึ้นให้กับลูกค้าของบริษัท"
คุณเกา จีฟ่าน เชื่อว่าการที่ธุรกิจของทรินา โซลาร์ มีการพัฒนาคืบหน้าไปได้ด้วยดีนั้น ส่วนหนึ่งมาจาก TrinaPro และระบบผลิตกำลังไฟฟ้าอัจฉริยะตัวอื่น ๆ ของทางบริษัท "นี่คือสาเหตุหลักที่ทำให้ทรินา โซลาร์เติบโตขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปีนี้" เขากล่าว