omniture

หัวเว่ย เปิดตัวแพลตฟอร์มดิจิทัลสำหรับสมาร์ทซิตี้ ที่งาน Smart City Expo World Congress 2018

Huawei
2018-11-15 12:34 594

บาร์เซโลน่า, สเปน--15 พ.ย.--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์

- แพลตฟอร์มดิจิทัลของ หัวเว่ย พัฒนาต่อยอดมาจากเทคโนโลยี ICT ใหม่อันก้าวล้ำ พร้อมเป็นขุมพลังขับเคลื่อนเมืองอัจฉริยะทั่วโลก

ที่งาน Smart City Expo World Congress (SCEWC) 2018 ซึ่งเปิดฉากขึ้นเมื่อวันที่ 13 พ.ย. หัวเว่ย ได้จัดแสดง Digital Platform ที่พัฒนาต่อยอดมาจากเทคโนโลยี ICT ใหม่สุดก้าวล้ำ ไม่ว่าจะเป็น ปัญญาประดิษฐ์ (AI), อินเทอร์เน็ตออฟธิงส์ (IoT), บิ๊กดาต้า และคลาวด์ ซึ่งช่วยให้เกิดการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืนและชาญฉลาด โดยหัวเว่ยและพันธมิตรระดับโลกได้ร่วมกันสาธิตโซลูชั่นต่าง ๆ ที่พัฒนาขึ้นจากแพลตฟอร์มนี้ ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่การบริหารจัดการเทศบาล ความปลอดภัยสาธารณะ และการปกป้องสิ่งแวดล้อม ไปจนถึงการขนส่งอัจฉริยะ รัฐบาลอัจฉริยะ การศึกษาอัจฉริยะ และการเกษตรอัจฉริยะ โซลูชันเหล่านี้ได้รับการออกแบบขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกในการบริหารจัดการเมือง ปรับปรุงบริการสาธารณะ รวมทั้งช่วยให้เกิดการสร้างสรรค์นวัตกรรมและแนวปฏิบัติที่ดีสำหรับภาคอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ที่งาน SCEWC หัวเว่ยยังได้จัดงานประชุม Global Smart City Summit 2018 ภายใต้หัวข้อ "Digital Platform Empowers Smart City+" เพื่อแนะนำ Digital Platform for Smart Cities ของหัวเว่ย ซึ่งที่งานซัมมิตนี้ บรรดาสมาคมอุตสาหกรรมชั้นนำ อาทิ TM Forum และ EUROCITIES ตลอดจนตัวแทนจากสิงคโปร์ เมืองเกลเซนเคียร์เชินของเยอรมนี รวมถึงเมืองยานบูและจาซาน ประเทศซาอุดีอาระเบีย ได้มาร่วมแบ่งปันแนวความคิดและประสบการณ์เกี่ยวกับการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ ร่วมกับผู้บริหารเมืองมากกว่า 400 เมืองจากทั่วโลก

คำบรรยายภาพ: บูทของหัวเว่ยที่งาน Smart City Expo World Congress (SCEWC) 2018 ซึ่งกำลังจัดขึ้นที่เมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปน
คำบรรยายภาพ: บูทของหัวเว่ยที่งาน Smart City Expo World Congress (SCEWC) 2018 ซึ่งกำลังจัดขึ้นที่เมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปน

สร้างแพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อขับเคลื่อนสมาร์ทซิตี้

ปัจจุบัน ในหลายเมืองของโลก เทคโนโลยีดิจิทัลต่าง ๆ ได้หลอมรวมเข้ากับทุกด้านของเมืองจนแทบจะแยกไม่ออก เช่น การบริหารจัดการเมือง ชีวิตความเป็นอยู่ของพลเมือง ความปลอดภัยสาธารณะ และการพัฒนาอุตสาหกรรม และเมื่อประกอบกับการที่เศรษฐกิจดิจิทัลกำลังขยายตัวทั่วโลก จึงส่งผลให้เกิดการแข่งขันกันพัฒนาเมืองอัจฉริยะทั่วทุกมุมโลก ซึ่งการพัฒนาเมืองอัจฉริยะก็ได้ผ่านมาแล้วหลายระยะ ตั้งแต่ระยะแรกที่เมืองต่าง ๆ ต้องแก้ปัญหาการจัดเก็บข้อมูลที่กระจัดกระจาย ระยะที่สองซึ่งเป็นช่วงที่มีการใช้งานแอปพลิเคชันโมบายอินเทอร์เน็ตเพิ่มสูงขึ้น และระยะที่สามซึ่งเมืองต่าง ๆ หันมาใช้ IoT เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลปริมาณมหาศาล และขณะนี้กำลังอยู่ในระยะที่สี่ของการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ ด้วยการปรับปรุงขีดความสามารถในการบริหารจัดการเมืองผ่านการทำเหมืองข้อมูล โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี AI เพื่อช่วยผสมผสานเทคโนโลยีดิจิทัลต่าง ๆ เข้าด้วยกัน และส่งเสริมการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน

นายหม่า เยวี่ย รองประธานกลุ่มธุรกิจเอ็นเตอร์ไพรส์ของหัวเว่ย และประธานฝ่ายขายทั่วโลกของกลุ่มธุรกิจเอ็นเตอร์ไพรส์ กล่าวว่า "การพัฒนาเมืองอัจฉริยะเป็นโครงการที่มีความซับซ้อนสูง ในฐานะผู้ให้บริการโซลูชั่นและผลิตภัณฑ์ ICT ชั้นนำของโลกที่มอบประสิทธิภาพการทำงานแบบ cloud-pipe-device หัวเว่ยจึงสามารถผนวกรวมคลาวด์, IoT, วิดีโอ และเอดจ์คอมพิวติ้ง เข้ากับเทคโนโลยี AI ซึ่งช่วยเชื่อมโยงระบบประสาทของทั้งเมือง ประกอบด้วย 'สมอง' (ศูนย์บัญชาการ), 'ระบบประสาทส่วนกลาง' (เครือข่าย), และ 'ระบบประสาทรอบนอก' (เซ็นเซอร์) สิ่งนี้ก่อให้เกิดเป็นแพลตฟอร์ม '+AI Digital Platform' ที่เปิดกว้างและเป็นขุมพลังขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลของเมืองแห่งอนาคต แพลตฟอร์มดังกล่าวของหัวเว่ยทำหน้าที่เหมือนระบบปฏิบัติการ โดยสามารถทำงานร่วมกับเซ็นเซอร์ที่แตกต่างกัน ตลอดจนสร้างเมืองดิจิทัลคู่ขนาน และรองรับการใช้งานแอปพลิเคชันที่หลากหลาย Digital Platform ของหัวเว่ย มีประสิทธิภาพสูงและเปิดรับการร่วมมือกับพันธมิตรในระบบนิเวศ นอกจากนี้ แพลตฟอร์มดิจิทัลดังกล่าวยังนำเสนอการออกแบบชั้นนำ การรวมระบบ การปฏิบัติการ การบริการ และขีดความสามารถด้านอื่น ๆ ที่จำเป็นสำหรับการพัฒนาเมืองอัจฉริยะที่มีประสิทธิภาพ สำหรับในอนาคต แพลตฟอร์ม +AI Digital Platform ของหัวเว่ย จะเข้าไปมีบทบาทในการวางรากฐานระบบอัจฉริยะให้กับเมืองต่าง ๆ มากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการพัฒนาเมืองอัจฉริยะอย่างยั่งยืนทั่วโลก เรามุ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้สร้างมาตรฐานเมืองอัจฉริยะร่วมกับลูกค้าและพันธมิตรของเรา"

นอกจากนี้ บรรดาผู้นำความคิดจากหลากประเทศและหลายอุตสาหกรรมยังเชื่อว่า การสร้างเมืองอัจฉริยะทั่วโลกเป็นการส่งสัญญาณถึงการถือกำเนิดขึ้นของยุคแห่งแพลตฟอร์ม

หัวเว่ย เผยโฉม Digital Platform for Smart Cities ภายใต้กลยุทธ์ "Platform + Ecosystem"

ที่งานประชุมซัมมิต หัวเว่ยได้เปิดตัว Digital Platform for Smart Cities โดยมี AI เป็นหัวใจหลักของแพลตฟอร์ม และยังประกอบไปด้วยเทคโนโลยี IoT บิ๊กดาต้า ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (GIS) คลาวด์วิดีโอ และทรัพยากรการสื่อสารที่หลอมรวมกัน แพลตฟอร์มนี้ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงระบบสารสนเทศแบบเดิม ๆ และวางรากฐานที่แข็งแกร่งให้กับการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ นอกจากนี้ หัวเว่ยยังได้พัฒนาแพลตฟอร์มมิดเดิลแวร์ เพื่อให้บริการต่าง ๆ แก่พันธมิตรด้านแอปพลิเคชันซอฟต์แวร์ โดยช่วยให้พันธมิตรด้านแอปพลิเคชันสามารถพัฒนาแอปพลิเคชันในระดับ upper-layer ได้เร็วขึ้น เพื่อเร่งผลักดันการเปลี่ยนแปลงและการคิดค้นนวัตกรรมในการบริหารจัดการเมือง การบริการต่าง ๆ ในเมือง และการพัฒนาอุตสาหกรรม

Digital Platform for Smart Cities ของหัวเว่ย ใช้ประโยชน์จากขีดความสามารถเฉพาะตัวหลายด้าน ประการแรก หัวเว่ยเป็นรายแรกของอุตสาหกรรมที่ให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัลแบบ full-stack ครอบคลุมเทคโนโลยี cloud-pipe-device รวมทั้งให้บริการแพลตฟอร์มในรูปแบบของ Platform as a Service (PaaS) ประการที่สอง Digital Platform for Smart Cities มีองค์ประกอบและขีดความสามารถที่ครอบคลุมในระดับ PaaS ซึ่งรวมถึง IoT, บิ๊กดาต้า, GIS, วิดีโอคลาวด์, การสื่อสารที่หลอมรวม, AI, และความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูล นอกจากนี้ แพลตฟอร์มดิจิทัลของหัวเว่ยยังประกอบด้วย industry enablement platform ที่รวมขีดความสามารถเหล่านี้ไว้ ข้อได้เปรียบที่ยั่งยืนของหัวเว่ยเป็นผลมาจากชิป อัลกอริทึม และการออกแบบทางสถาปัตยกรรมที่บริษัทได้พัฒนาขึ้นเอง ร่วมด้วยนวัตกรรมทางเทคนิคที่ขับเคลื่อนโดยความต้องการของลูกค้า ตลอดจนการลงทุนด้าน R&D อย่างต่อเนื่อง

จนถึงปัจจุบัน Huawei Smart City Solution ได้ให้บริการเมืองต่าง ๆ แล้วมากกว่า 160 เมืองในกว่า 40 ประเทศ ตัวอย่างเช่น ในเมืองดุยส์บวร์ก ประเทศเยอรมนี และซาร์ดิเนีย ประเทศอิตาลี โซลูชั่นดังกล่าวได้ช่วยสนับสนุนการพัฒนาบริษัทสตาร์ทอัพ ผ่านทางการปรับปรุงสภาพแวดล้อมการลงทุนของเมือง เช่นเดียวกับชีวิตความเป็นอยู่ของพลเมือง ขณะที่ในรุสเทนเบิร์ก แอฟริกาใต้ และในเซอร์เบียนั้น เทคโนโลยีดิจิทัลยังคงช่วยปรับปรุงขีดความสามารถในการพัฒนาด้านต่าง ๆ ของเมืองอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน ที่หมู่เกาะภูเขาไฟในแอตแลนติกเหนือ และที่เขตปินไห่ (Binhai New Area) ของนครเทียนจินนั้น AI ได้ช่วยให้เมืองเหล่านี้เข้าใจประชาชนมากขึ้น เพื่อยกระดับบริการต่าง ๆ ของเมือง

หัวเว่ยทำงานร่วมกับเมืองต่าง ๆ ทั่วโลก เพื่อผลักดันการพลิกโฉมสู่ดิจิทัลโดยใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลของบริษัท ซึ่งหลอมรวมโซลูชั่นต่าง ๆ จากพันธมิตรในระบบนิเวศ และรวมการสนับสนุนจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกราย สำหรับในอนาคต แพลตฟอร์มดิจิทัลของหัวเว่ย พร้อมด้วยเทคโนโลยี AI ล่าสุดของบริษัท จะกลายเป็นรากฐานของเมืองอัจฉริยะอีกหลายเมือง ซึ่งจะนำดิจิทัลไปถึงทุกคน ทุกองค์กร และทุกอุตสาหกรรม เพื่อสร้างโลกอัจฉริยะที่เชื่อมต่อกันอย่างสมบูรณ์"

งาน Smart City Expo World Congress (SCEWC) 2018 จัดขึ้นที่เมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปน ในระหว่างวันที่ 13-15 พฤศจิกายน สามารถพบกับ หัวเว่ย ได้ที่บูทหมายเลข B200 ในห้องจัดแสดง Gran Via 2 (Hall 2) ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหัวเว่ยที่งาน SCEWC ได้ที่: http://e.huawei.com/topic/smartcity2018/en/index.html

รูปภาพ - https://photos.prnasia.com/prnh/20181113/2298393-1

Source: Huawei
Keywords: Computer Hardware Computer Networks Computer Software Computer/Electronics Internet Technology Telecommunications Telecommunications Equipment New products/services Trade show news
Related News