ฮ่องกง--18 ก.พ.--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์
ดร. Ching-Chiung Wang ผู้อำนวยการสถาบันบัณฑิตเภสัชเวทของมหาวิทยาลัยการแพทย์ไทเป ได้ให้คำแนะนำการดูแลสุขภาพต่อไปนี้ โดยดร. Wang Ching-Chiung เป็นสมาชิกคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์ของอินฟินิตัส เฮลท์ โปรดักส์ (อินเตอร์เนชั่นแนล) จำกัด
หัวใจ ตับ ม้าม ปอด และไต คืออวัยวะหลักทั้ง 5 ที่เรามักให้ความสำคัญที่สุด แต่จะไม่ค่อยให้ความสำคัญกับสุขภาพของระบบทางเดินอาหารเท่าที่ควร เราต้องทนกับอาการปวดท้อง ท้องเสีย หรือแม้แต่ท้องผูก อย่างไรก็ตาม งานวิจัยล่าสุดโดย Magnus Simrén ซึ่งเป็นแพทย์โรคทางเดินอาหารจากมหาวิทยาลัยโกเธนเบิร์ก ที่ตีพิมพ์ใน Gastroenterology Journal เปิดเผยว่า ในผู้ใหญ่ทุก 10 คนทั่วโลก จะมี 4 คนที่มีอาการระบบทางเดินอาหารทำงานผิดปกติ ดังนั้น ปัญหาสุขภาพระบบทางเดินอาหารจึงเป็นเรื่องที่พบได้บ่อย และไม่ควรจะมองข้าม!
เราทุกคนรู้ว่ากระเพาะอาหารและลำไส้ต่างเป็นอวัยวะหลักที่ย่อยและดูดซึมสารอาหารและขับของเสีย นอกเหนือจากนั้นแล้ว อวัยวะเหล่านั้นยังสำคัญต่อภูมิคุ้มกันของมนุษย์ โดย 80% ของภูมิคุ้มกันมนุษย์ผลิตขึ้นที่บริเวณเยื่อบุทางเดินอาหาร และ 70% ของภูมิคุ้มกันมนุษย์พบได้ในลำไส้ ดังนั้น สุขภาพของระบบทางเดินอาหารจะเป็นตัวกำหนดว่าภูมิคุ้มกันของเราทำงานได้ปกติหรือไม่
ความสำคัญและความจำเป็นเร่งด่วนในการปรับปรุงระบบภูมิคุ้มกันของเราในระหว่างการแพร่ระบาดนั้นชัดเจนมาก คำถามคือ ประชาชนทั่วไปจะปรับปรุงระบบทางเดินอาหารของตนเองได้อย่างไร
อย่างแรกสุด การคุมอาหารและงดแอลกอฮอล์นั้นสำคัญ พฤติกรรมการกินที่ผิดปกติจะส่งผลเสียต่อการทำงานของระบบทางเดินอาหาร ซึ่งสุดท้ายแล้วจะส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง นอกจากนี้ เรายังควรหลีกเลี่ยงอาหารที่เย็นเกินไป ร้อนเกินไป หรือระคายเคืองต่อระบบย่อยอาหาร เพื่อปกป้องเยื่อบุทางเดินอาหารจากอันตรายที่อาจเกิดขึ้น เรายังควรที่จะทานอาหารที่ช่วยบำรุงสุขภาพของกระเพาะอาหาร ยกตัวอย่างเช่น เห็ดยามาบูชิตาเกะ (เห็ดหัวลิง เห็ดปุยฝ้าย) พอลิแซ็กคาไรด์ในตัวเห็ดมีประสิทธิภาพในการซ่อมแซมเยื่อบุกระเพาะอาหารที่ได้รับความเสียหาย และใช้รักษาการติดเชื้อแบคทีเรีย Helicobacter pylori ในกระเพาะอหารได้อย่างมีประสิทธิภาพถึง 90% ทั้งยังช่วยลดการอักเสบในกระเพาะ และส่งเสริมสุขภาพของกระเพาะอาหารโดยรวม
การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอก็สำคัญเช่นกัน เมื่อร่างกายของเราเหนื่อยล้า และกระเพาะอาหารและลำไส้ของเราได้รับการพักผ่อนไม่เพียงพอ การทำงานของเกราะป้องกันอาจอ่อนแรงลง ทำให้ร่างกายของเราเสี่ยงต่อภัยคุกคามภายนอก เช่น ไวรัสและแบคทีเรีย
นอกเหนือจากการใช้ชีวิตที่ใส่ใจต่อสุขภาพอย่างที่แนะนำไปข้างต้นแล้ว คุณยังสามารถทานอาหารเสริมประเภทโพรไบโอติกได้อีกด้วย เพื่อช่วยปรับสมดุลของจุลินทรีย์ในลําไส้ โดยการอยู่รอด ปริมาณ สายพันธุ์ และส่วนผสม ต่างเป็นปัจจัยสำคัญที่เราควรจะพิจารณาเมื่อเลือกอาหารเสริมประเภทโพรไบโอติก ซึ่งสุขภาพลำไส้จะได้รับผลดีก็ต่อเมื่อได้รับโพรไบโอติกที่มีชีวิตในระดับที่เพียงพอ
โพรไบโอติกมีมากมายหลายประเภท แต่ไม่ใช่ทุกประเภทจะสามารถทนอยู่ได้ในกรดที่อยู่ในกระเพาะและน้ำดีของเราในระหว่างกระบวนการย่อยและอยู่รอดได้จนไปถึงถึงลำไส้ การวิจัยทางวิทยาศาสตร์แสดงให้เห็นว่า สายพันธุ์โพรไบโอติกที่มีความสามารถในการอยู่รอดแข็งแกร่งหลังผ่านกระบวนการปรับเสถียรแล้ว ได้แก่ Lactobacillus acidophilus NCFM, Bifidobacterium lactis Bi-07 และ Rhamnosus HN001 อย่างไรก็ตาม แม้โพรไบโอติกดังกล่าวจะรอดไปจนถึงลำไส้ได้ แต่ก็ยังต้องได้รับอาหารด้วยพรีไบโอติกเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพ โดยพรีไบโอติกที่พบได้ทั่วไป ได้แก่ อินูลิน และโอลิโกแซ็กคาไรด์
การปรับปรุงระบบภูมิคุ้มกันไม่ได้เกิดขึ้นในวันเดียว โดยต้องใช้ความพยายามอย่างต่อเนื่องในชีวิตประจำวันของเรา เราควรหันมาเติมเต็มโพรไบโอติกอย่างเหมาะสม ปรับปรุงการรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพเป็นประจำ และจัดการตารางการนอนตั้งแต่นี้ไป
อินฟินิตัส มุ่งมั่นที่จะจัดหาผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อสุขภาพจากสมุนไพรจีนคุณภาพสูงให้บริการแก่บุคคลทั่วไป อินฟินิตัส จัดกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพมากมายเพื่อนำสุขภาพและความสุขมาสู่ผู้คนทั่วโลก ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://www.infinitus-int.com