 |
เซี่ยงไฮ้--5 มี.ค. 2564--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์
Shanghai Electric ("บริษัท") (SEHK: 02727, SSE: 601727) ผู้ผลิตและซัพพลายเออร์อุปกรณ์ผลิตไฟฟ้า อุปกรณ์อุตสาหกรรม และบริการครบวงจรชั้นนำระดับโลก ได้รับรางวัล Annual Corporate Social Responsibility Award จากสมาคมผู้ประกอบการจีนในปากีสถาน (All-Pakistan Chinese Enterprises' Association หรือ APCEA) สาขานครการาจี โดยรางวัลนี้เป็นเครื่องแสดงถึงผลงานของบริษัทในด้านการพัฒนาสังคมของชุมชนท้องถิ่นตลอดปี 2563 รวมถึงความตั้งใจในการทำงานด้าน CSR ด้วย
"นับเป็นเกียรติของเราอย่างยิ่งที่ได้รับรางวัลนี้จาก APCEA ทาง Shanghai Electric จะเดินหน้าสนับสนุนการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจจีน-ปากีสถานต่อไป และตั้งใจทำงานเพื่อดูแลให้การก่อสร้างและดำเนินโครงการ Thar Block-1 Integrated Mining-Power Project เป็นไปอย่างราบรื่น ในขณะเดียวกัน เราจะให้การสนับสนุนโครงการด้านพลังงานต่าง ๆ ของปากีสถานอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนในชุมชนท้องถิ่นนั้นได้รับประโยชน์กันมากขึ้น" คุณ Meng Donghai ซีอีโอของบริษัท Thar Coal Block-1 Power Generation Company กล่าว
เมื่อปีที่ผ่านมาโครงการ Thar Block-1 Integrated Mining-Power Project ("โครงการ") ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จนได้ส่งผลกระทบต่อชุมชนในเมืองมิฐิและแคว้นสินธ์อีกทอดหนึ่ง ในฐานะผู้พัฒนาโครงการ Shanghai Electric จึงได้มีการตอบสนองอย่างฉับไวเมื่อรัฐบาลปากีสถานประกาศบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการระบาดของเชื้อไวรัสในเดือนมีนาคม 2563 โดยทำงานร่วมกับรัฐบาลและชุมชนท้องถิ่นในแคว้นสินธ์อย่างใกล้ชิด เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ระหว่างช่วงเวลาอันยากลำบากนี้
เมื่อเดือนเมษายน ทางบริษัทได้บริจาคเครื่องใช้จำเป็นให้กับหน่วยทหารราบที่ 441 ของปากีสถาน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทหารสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างปลอดภัย และยังได้บริจาคเครื่องใช้อื่น ๆ ให้กับเมืองมิฐิ ทั้งยังกระจายอุปกรณ์ป้องกัน ธัญพืช และน้ำมัน เพื่อช่วยให้คณะทำงานท้องถิ่นสามารถแก้ปัญหาขาดแคลนอาหารและเครื่องนุ่งห่มในพื้นที่หมู่บ้านที่มีฐานะยากจน จากนั้นในเดือนกรกฎาคม บริษัท Thar Coal Block-1 Power Generation Company ก็ได้ร่วมกับ Sino Sindh Resources Company ในฐานะตัวแทนของ Shanghai Electric บริจาคเงินจำนวน 6 ล้านรูปีให้แคว้นสินธ์ เพื่อก่อตั้งกองทุน Corona Virus Emergency Fund เพื่อให้รัฐบาลและชุมชนท้องถิ่นสามารถรับมือกับวิกฤตโรคระบาดในครั้งนี้ได้เช่นกัน
ในขณะเดียวกัน ทีมผู้พัฒนาโครงการยังได้พยายามฝ่าฟันอุปสรรคและเร่งดำเนินโครงการโดยเร็ว โดยยังปฏิบัติตามมาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อยู่ ทั้งนี้ได้มีการก่อสร้างและเปิดใช้โครงสร้างเหล็กของอาคารโรงงานหลักแล้วตั้งแต่เมื่อเดือนกรกฎาคม 2563 ซึ่งจะเป็นรากฐานให้สามารถดำเนินการก่อสร้างโครงการส่วนที่เหลือได้ตามกำหนดการ
การบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์และจำกัดการเดินทางทั่วประเทศของปากีสถาน ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคมากที่สุดเมื่อปีที่ผ่านมานั้น ได้ทำให้การก่อสร้างโครงการต้องล่าช้าออกไป เพื่อเป็นการรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินครั้งนี้ Shanghai Electric จึงได้มีการจัดเที่ยวบินให้วิศวกรและพนักงานในโครงการเพื่อเร่งให้โครงการคืบหน้าเร็วขึ้น พร้อมกับบริจาคอุปกรณ์ป้องกัน PPE, เครื่องใช้จำเป็น, เครื่องใช้ในสำนักงาน และยารักษาโรคฉุกเฉินอีกรวมทั้งหมด 4 ตันสำหรับพนักงานในพื้นที่โครงการนี้
ระหว่างปี 2563 นั้น Shanghai Electric ได้ส่งเสริมให้มีการจ้างงานในพื้นที่แคว้นสินธ์อย่างต่อเนื่อง ข้อมูลปัจจุบันของเดือนมกราคม 2564 ระบุว่า โครงการ Thar Block-1 Integrated Mining-Power Project มีพนักงานมากกว่า 5 พันราย โดยเป็นคนท้องถิ่นมากกว่า 75% นอกจากนี้ Shanghai Electric ยังได้จัดการอบรมก่อนเริ่มงานเพื่อช่วยให้พนักงานสามารถพัฒนาฝีมือ และนำช่างเทคนิคผู้เชี่ยวชาญชาวจีนมาร่วมทำงานเพื่อช่วยส่งต่อทักษะ ความรู้ และประสบการณ์ที่มีให้กับพนักงานท้องถิ่น ในเดือนตุลาคม 2563 ทางบริษัทได้มีการจัดการแข่งขันเชื่อมเหล็ก เพื่อส่งเสริมให้ช่างเชื่อมเหล็กท้องถิ่นได้แสดงทักษะอาชีพ ในการพัฒนาฝีมืออย่างไม่หยุดยั้งให้ผลงานออกมาไร้ที่ติ
โครงการ Thar Block-1 Integrated Mining-Power Project พัฒนาขึ้นโดย Shanghai Electric โดยอยู่ภายใต้โครงการ Belt and Road Initiative (BRI) และโครงการความร่วมมือด้านพลังงานภายในระเบียงเศรษฐกิจจีน-ปากีสถาน (CPEC) และยังเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของรัฐบาลปากีสถานในการเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน และลดค่าใช้จ่ายเฉลี่ยของการผลิตพลังงานไฟฟ้า โดยเปลี่ยนจากการใช้เชื้อเพลิงนำเข้ามาเป็นการใช้ทรัพยากรถ่านหินในประเทศแทน
โครงการนี้พัฒนาขึ้นเพื่อให้ผลิตถ่านหินได้ 7.8 ล้านตันต่อปี และมีโรงผลิตไฟฟ้าพลังงานถ่านหินขนาด 660 เมกะวัตต์ 2 แห่ง ที่จะผลิตไฟฟ้าราคาถูกได้อย่างต่อเนื่องสำหรับประชาชนชาวปากีสถานราว 4 ล้านครัวเรือน โดยใช้เทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
