ปักกิ่ง--10 มิถุนายน 2564--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์
เบื้องหลังทิวทัศน์อันงดงามและความกลมกลืนระหว่างคนกับธรรมชาติบริเวณทะเลสาบชิงไห่ ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของที่ราบสูงชิงไห่-ทิเบต แฝงไปด้วยเรื่องราวความพยายามอันไม่ลดละของจีนในการยกระดับการปกป้องระบบนิเวศของ "ดินแดนหลังคาโลก"
"ระบบนิเวศคือทรัพยากร ความมั่งคั่ง และสมบัติของเรา" ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กล่าวระหว่างเยี่ยมชมทะเลสาบชิงไห่ ในการเดินสายตรวจเยี่ยมมณฑลชิงไห่ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีนเมื่อเร็ว ๆ นี้
การตรวจเยี่ยมเสร็จสิ้นลงเมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้เน้นย้ำว่าการให้ความสำคัญกับประชาชนเป็นอันดับหนึ่ง รวมถึงการยกระดับการปฏิรูปและเปิดกว้าง เป็นสิ่งจำเป็นในการส่งเสริมการปกป้องระบบนิเวศและการพัฒนาคุณภาพสูงในที่ราบสูงชิงไห่-ทิเบต
คนและธรรมชาติต่างได้รับประโยชน์
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ตอกย้ำว่า "แหล่งน้ำที่ใสสะอาดและเทือกเขาอันเขียวชอุ่มเป็นสมบัติที่ประเมินค่ามิได้" และการอนุรักษ์สภาพแวดล้อมของมณฑลชิงไห่ก็เป็นหนึ่งในวาระสำคัญระดับชาติ พร้อมกับเรียกร้องให้ปกป้องระบบนิเวศของ "ขั้วโลกที่สาม" อย่างมีประสิทธิภาพ
ในปี 2551 มณฑลชิงไห่ได้ประกาศแผนปกป้องสภาพแวดล้อมทางนิเวศวิทยาและการจัดการลุ่มน้ำทะเลสาบชิงไห่อย่างครอบคลุมระยะเวลา 10 ปี โดยใช้เงินลงทุน 1.57 พันล้านหยวน (226 ล้านดอลลาร์)
ภายในปี 2561 มีการฟื้นฟูพื้นที่ชุ่มน้ำรวม 800 เฮกตาร์ ขณะที่สายพันธุ์นกในพื้นที่ทะเลสาบเพิ่มขึ้นจาก 164 สายพันธุ์ในปี 2539 เป็น 225 สายพันธุ์ในปัจจุบัน ด้านระดับน้ำในทะเลสาบชิงไห่ก็เพิ่มขึ้น 3.27 เมตรภายในเวลา 15 ปี
หน่วยงานท้องถิ่นเปิดเผยว่า ทิวทัศน์อันงดงามของทะเลสาบชิงไห่ ซึ่งได้รับการขนานนามว่า "ทะเลสาบที่สวยงามที่สุดในจีน" ดึงดูดนักท่องเที่ยวมากถึง 4.42 ล้านคนในปีที่แล้วแม้มีสถานการณ์โรคระบาด และสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 265 ล้านหยวน (41.5 ล้านดอลลาร์) ต่อปี
ทั้งนี้ จีนพยายามสร้างสมดุลระหว่างการปกป้องกับการพัฒนาเขตสงวนระดับชาติแห่งนี้
จุดชมวิว Bird Island ปิดให้เข้าชมในปี 2560 คงเหลือไว้เพียงฐานการศึกษาทางวิทยาศาสตร์และการติดตามนกน้ำ ส่วนสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับนักท่องเที่ยวบริเวณ Sand Island ก็ถูกรื้อถอนและปิดให้เข้าชมเช่นกัน นอกจากนั้นยังสั่งห้ามขี่จักรยานบนผืนทรายและเล่นสไลด์ด้วย
"ความสำเร็จในการปกป้องสภาพแวดล้อมทางนิเวศวิทยาของทะเลสาบชิงไห่ไม่ใช่สิ่งที่ทำได้ง่าย ๆ ดังนั้นจึงเป็นสิ่งที่ควรทะนุถนอม ทำให้มั่นคงแข็งแรง และขยายออกไป" นายสี จิ้นผิง กล่าวในระหว่างการตรวจเยี่ยม
กลุ่มอุทยานแห่งชาติบนที่ราบสูง
ในการตรวจเยี่ยมครั้งล่าสุดนี้ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กล่าวกับเจ้าหน้าที่ในท้องถิ่นว่า ให้พยายามมากขึ้นเป็นสองเท่าในการสร้างระบบเขตสงวนที่มี "ศูนย์กลางคืออุทยานแห่งชาติ ฐานที่มั่นคือเขตอนุรักษ์ธรรมชาติ และเสริมด้วยอุทยานแห่งชาติหลากหลายรูปแบบ" เพื่อปกป้องสภาพแวดล้อมทางนิเวศวิทยาและความหลากหลายทางชีวภาพ
จีนพยายามผลักดันการสร้างกลุ่มอุทยานแห่งชาติเพื่อยกระดับสภาพแวดล้อมทางนิเวศวิทยาบนที่ราบสูง
มณฑลชิงไห่พัฒนาอุทยานแห่งชาติสองแห่งรอบเขตอนุรักษ์ธรรมชาติซานเจียงหยวน ซึ่งเป็นต้นน้ำของแม่น้ำแยงซี แม่น้ำฮวงโห และแม่น้ำล้านช้าง และมีเทือกเขาฉีเหลียนซาน โดยมีพื้นที่คิดเป็นสัดส่วน 52.2% ของเขตอนุรักษ์ธรรมชาติทั้งหมดในมณฑลชิงไห่ และคิดเป็นสัดส่วน 38.42% ของผืนดินทั้งหมดในมณฑลชิงไห่
นอกจากนี้ มณฑลชิงไห่ยังยกระดับความพยายามในการพัฒนาอุทยานแห่งชาติรอบทะเลสาบชิงไห่ โดยคณะผู้เชี่ยวชาญเพิ่งอนุมัติแผนงานพัฒนาอุทยานแห่งชาติไปเมื่อเดือนพฤษภาคม
"การปกป้องระบบนิเวศของที่ราบสูงชิงไห่-ทิเบต มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อการอยู่รอดและการพัฒนาชาติจีน" นายสี จิ้นผิง กล่าว พร้อมกับตอกย้ำความมุ่งมั่นของชาติในการพัฒนาที่ราบสูงชิงไห่-ทิเบต ให้กลายเป็นพื้นที่สูงที่มีความก้าวหน้าทางนิเวศวิทยาในระดับชาติและอาจถึงขั้นระดับโลก