สิงคโปร์— 7 ต.ค. --พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์
เอเชียแปซิฟิก ภูมิภาคที่อุดมไปด้วยความหลากหลายทางชีวภาพประจำท้องถิ่นที่หาที่ไหนไม่ได้ในโลก เป็นศูนย์กลางของวิกฤตการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพและธรรมชาติ ภูมิภาคนี้มีจุดร้อนที่กระจุกตัวในวงกว้างที่สุดในโลกโดยมีทุนทางธรรมชาติลดลง[1] และหากสถานการณ์นี้ยังไม่เปลี่ยน อาจส่งผลให้สัตว์ทุกสายพันธุ์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สูญพันธุ์ถึง 42% โดยครึ่งหนึ่งจากตัวเลขนี้จะสูญพันธุ์จากโลกเลยทีเดียว[2] ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นระบบเพื่ออนาคตที่ยั่งยืนสำหรับเอเชียแปซิฟิก และโซลูชันที่เป็นนวัตกรรมจะสามารถปลดล็อกการลงทุนที่จำเป็นต่อการรีเซ็ตความสัมพันธ์ระหว่างเรากับโลกใบนี้
ข้อมูลเหล่านี้เป็นผลการค้นพบในรายงานฉบับใหม่ของ AlphaBeta, Temasek และ World Economic Forum หัวข้อ "New Nature Economy: Asia's Next Wave" ซึ่งเปิดตัวในงาน Ecosperity Week ประจำปีพ.ศ. 2564 รายงานดังกล่าวจัดทำกรณีศึกษาทางธุรกิจเพื่อการแก้ปัญหาที่เป็นมิตรต่อธรรมชาติในภูมิภาค โดยการสำรวจความเสี่ยง โอกาส และการจัดหาเงินที่จำเป็นสำหรับเศรษฐกิจที่เป็นมิตรต่อธรรมชาติ
ภัยต่อธรรมชาติคือภัยต่อธุรกิจ
ระบบเศรษฐกิจและสังคมหลัก 3 ระบบในเอเชียแปซิฟิกเป็นภัยคุกคามต่อธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุด แต่ก็เป็นโอกาสที่ใหญ่ที่สุดสำหรับการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เป็นมิตรต่อธรรมชาติเช่นกัน ซึ่งโอกาสเหล่านี้มีมูลค่ารวมกันอยู่ที่ 4.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 14% ของ GDP เอเชียแปซิฟิกในปีพ.ศ. 2562
โดยรวมแล้ว การปลดล็อกโอกาสทางธุรกิจที่เป็นมิตรต่อธรรมชาติ 59 รายการในทั้ง 3 ระบบนี้จะต้องใช้เงินลงทุน 1.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี แม้จะเป็นจำนวนเงินที่มากแล้ว แต่ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งในเงินลงทุนทั้งหมด 31.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐที่ประกาศโดยประเทศสมาชิก 45 ประเทศของธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชียในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโควิด-19[5]
"เราต้องลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนลงครึ่งหนึ่ง เริ่มรื้อฟื้นธรรมชาติให้กลับสู่สภาพเดิมภายในปีพ.ศ. 2573 เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบร้ายแรง และเราสามารถบรรลุเป้าหมายนี้ได้ด้วยรูปแบบธุรกิจใหม่ที่มีความยืดหยุ่นและสามารถพึ่งพาตนเองทางเศรษฐกิจได้" ดร. Steve Howard ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายความยั่งยืนของ Temasek กล่าว "กลุ่มธุรกิจและการลงทุนต้องทำงานร่วมกับรัฐบาลและภาคประชาสังคม เราจึงจะสามารถปลดล็อกเงินทุนเพื่อช่วยขับเคลื่อนการเติบโตที่จะส่งมอบให้กับผู้คน โลก และเศรษฐกิจร่วมกัน"
นวัตกรรมและความร่วมมือที่จำเป็นต่อการเร่งการลงทุนสำหรับการเปลี่ยนแปลงที่เป็นมิตรต่อธรรมชาติ
ในการสำรวจพิเศษที่จัดทำขึ้นเพื่อรายงานฉบับนี้ นักลงทุนและผู้นำธุรกิจทั่วเอเชียแปซิฟิกได้ระบุความท้าทายหลักที่ต้องเอาชนะเพื่อที่จะบรรลุรูปแบบธุรกิจที่เป็นมิตรต่อธรรมชาติ โดยอุปสรรคเหล่านี้สามารถแบ่งเป็น 4 ด้านกว้าง ๆ ได้แก่ ความท้าทายด้านกฎระเบียบ อุปสรรคทางตลาด ช่องว่างของข้อมูล และการขาดปัจจัยสนับสนุนการลงทุน
ผู้นำธุรกิจและชุมชนได้เสนอโซลูชันนวัตกรรมมากมาย เพื่อกระตุ้นการลงทุนที่จำเป็นในทศวรรษหน้าเพื่อเอาชนะอุปสรรคเหล่านี้ ซึ่งคำแนะนำ 3 อันดับแรก มีดังนี้
นอกจากนี้ การวิจัยและพัฒนาที่มากขึ้น รวมถึงการเจรจาระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนที่มากขึ้น จะมีความสำคัญต่อการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการลงทุนในเศรษฐกิจที่เป็นมิตรต่อธรรมชาติ
"การแพร่ระบาดของโควิด-19 สร้างความตกตะลึงจนทำให้เราต้องทบทวนอย่างหนักเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ เราต้องจัดสรรการลงทุนอย่างเหมาะสมสำหรับการปกป้อง การฟื้นฟู และการจัดการต้นทุนทางธรรมชาติที่ยั่งยืน รวมถึงการประเมินมูลค่าบริการของระบบนิเวศเพื่อฟื้นคืนสู่อนาคตที่ยืดหยุ่น" Akanksha Khatri หัวหน้าฝ่าย Nature Action Agenda ของ World Economic Forum กล่าว "การวิจัยของเราและการมีส่วนร่วมกับรัฐบาล ภาคเอกชน นักลงทุน และภาคประชาสังคม เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการสร้างเส้นทางความร่วมมือใหม่ ๆ สำหรับเศรษฐกิจที่เป็นมิตรต่อธรรมชาติ"
"การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพและธรรมชาติ เป็นความกังวลหลักสำหรับธุรกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และหลักฐานที่มีอยู่ทั้งหมดบ่งชี้ว่า การดำเนินงานตามปกติไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป" ดร. Fraser Thompson ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการของ AlphaBeta กล่าว "อย่างไรก็ตาม ข่าวดีก็คือรายงานฉบับนี้แสดงให้เห็นว่า ธุรกิจมีแนวทางที่ไม่เพียงแค่ช่วยเสริมสร้างความยืดหยุ่นในการดำเนินงานและมีส่วนร่วมกับธรรมชาติโดยตรงเท่านั้น แต่ยังสร้างโอกาสการเติบโตใหม่ที่สำคัญด้วย ซึ่งความร่วมมือหลายฝ่ายระหว่างธุรกิจ ภาครัฐ และภาคประชาสังคมในเอเชียแปซิฟิก จะปลดล็อกโอกาสที่เป็นมิตรต่อธรรมชาติเหล่านี้ได้"
ดาวน์โหลดรายงานของ AlphaBeta, World Economic Forum และ Temasek ได้ที่ https://bit.ly/NewNatureEconomy
เกี่ยวกับ AlphaBeta
AlphaBeta เป็นธุรกิจที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์และเศรษฐกิจที่ให้บริการลูกค้าทั่วโลกจากสำนักงานใหญ่ในสิงคโปร์
เกี่ยวกับ Temasek
Temasek เป็นบริษัทการลงทุนที่มีมูลค่าพอร์ตสุทธิ 3.81 แสนล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (2.83 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ณ วันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2564 ซึ่งหน้าที่ตามกฎหมายของเราในฐานะนักลงทุน สถาบัน และผู้ให้บริการคือตัวกำหนดจุดยืนด้านการลงทุน จริยธรรม และหลักปรัชญาในการทำให้ดี ทำในสิ่งที่ถูกต้อง และทำให้เหมาะสม เราแสวงหาโซลูชันที่ยั่งยืนอย่างต่อเนื่องเพื่อจัดการกับความท้าทายในปัจจุบันและในอนาคต พร้อมคว้าการลงทุนและโอกาสอื่น ๆ ที่ช่วยสร้างโลกที่ดี ฉลาด และยั่งยืนมากขึ้น Temasek มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่สิงคโปร์ และมีสำนักงานย่อย 13 แห่งทั่วโลก ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Temasek ได้ที่ www.temasek.com.sg
เกี่ยวกับ World Economic Forum
World Economic Forum คือองค์การระหว่างประเทศเพื่อความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชนที่มุ่งมั่นพัฒนาสถานการณ์โลก World Economic Forum มีส่วนร่วมกับบุคคลสำคัญทางการเมือง ธุรกิจ และผู้นำด้านอื่น ๆ ในสังคม เพื่อกำหนดวาระของอุตสาหกรรม ตลอดจนวาระระดับภูมิภาคและระดับโลก (www.weforum.org)
[1] https://encore.naturalcapitalfinancealliance.org/map?view=hotspots
[3] https://population.un.org/wpp/DataQuery/
[5] https://covid19policy.adb.org/
รูปภาพ - https://mma.prnewswire.com/media/1637591/Ecosperity_Week.jpg
คำบรรยายภาพ - โลโก้ Temasek และ Ecosperity Week 2021