พนมเปญ, กัมพูชา—3 พ.ค.—พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์
ธนาคารหงเหลียง (Hong Leong Bank) สาขากัมพูชา ("HLBCAM" หรือ "ธนาคาร") ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MoU) กับสมาคมเอสเอ็มอีแห่งมาเลเซีย (SME Association of Malaysia) เพื่อแบ่งปันองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญ ให้คำปรึกษาและเปิดโอกาสในการจับคู่ธุรกิจเพื่อสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ในกัมพูชา พร้อมส่งเสริมธุรกิจและการลงทุนระหว่างสองประเทศ
บันทึกความเข้าใจฉบับนี้ลงนามโดยคุณเทอร์เรนซ์ ทีโอห์ (Terrence Teoh) กรรมการผู้จัดการและซีอีโอธนาคารหงเหลียง สาขากัมพูชา และคุณดิง ฮง ซิง ประธานสมาคมเอสเอ็มอีแห่งมาเลเซีย โดยมีคุณอัลดีน ฮูไซนี (Eldeen Husaini) เอกอัครราชทูตมาเลเซียประจำกัมพูชา และคุณฉุย วิเชต (Cheuy Vichet) เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำมาเลเซีย เป็นสักขีพยาน
คุณทีโอห์ได้ขับเน้นความมุ่งมั่นของธนาคารหงเหลียง สาขากัมพูชา ในการสนับสนุนธุรกิจเอสเอ็มอี เพื่อเสริมสร้างความยืดหยุ่นทางธุรกิจในขณะที่กำลังฟื้นฟูจากการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 ผ่านโอกาสและการลงทุนต่าง ๆ เพราะธุรกิจเอสเอ็มอีมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการเติบโตของเศรษฐกิจกัมพูชา
คุณทีโอห์ กล่าวว่า "เรามีจุดมุ่งหมายเดียวกับกัมพูชาในการกระตุ้นจิตวิญญาณความเป็นผู้ประกอบการและยกระดับการพัฒนาเศรษฐกิจ ผมเชื่อว่า บันทึกความเข้าใจฉบับนี้จะเปิดทางให้เราได้ใช้ขีดความสามารถและข้อมูลเชิงลึกที่เรามีร่วมกันทั้งสองตลาด ในการช่วยลูกค้าภาคเอสเอ็มอีในกัมพูชาและมาเลเซียได้พบกับโอกาสในการจับคู่ทางธุรกิจ พร้อมช่วยให้เชื่อมต่อกับโซลูชันทางธุรกิจและการเงินได้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องนวัตกรรมดิจิทัล เพื่อช่วยผลักดันผลการทำธุรกิจและความยั่งยืน"
คุณดิง ฮง ซิง ตัวแทนจากชุมชนเอสเอ็มอีมาเลเซีย เปิดเผยว่า บันทึกความเข้าใจฉบับนี้จะช่วยส่งเสริมความร่วมมือ โดยกล่าวว่า "เรามีเป้าหมายเพื่อแบ่งปันความเชี่ยวชาญและองค์ความรู้ในอุตสาหกรรม ทั้งจากการเปิดให้ศึกษาดูงาน ทำเวิร์กช็อป และจัดงานสัมมนากับพันธมิตรภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้อง และเมื่อผนึกกำลังกันแล้ว เราก็ช่วยให้ภาคเอสเอ็มอีเดินหน้าได้เต็มศักยภาพ และคว้าโอกาสจากภาคเอสเอ็มอีของกัมพูชาและมาเลเซียที่กำลังเติบโตอย่างดี"
คุณฉุย วิเชต เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำมาเลเซีย เปิดเผยว่า บันทึกความเข้าใจฉบับนี้สอดรับเป็นอย่างดีกับจุดมุ่งหมายของกัมพูชา ในการสร้างความหลากหลายทางเศรษฐกิจเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรม ซึ่งจะเข้ามาเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน และยกระดับประสิทธิภาพในการผลิต ตามที่ระบุไว้ในนโยบายพัฒนาอุตสาหกรรมรอบปี 2558-2568 ที่รัฐบาลกัมพูชาได้อนุมัติไว้
ท่านทูตฯ กล่าวว่า "บันทึกความเข้าใจฉบับนี้จะช่วยให้ภาคเอสเอ็มอีกัมพูชาขยายระบบนิเวศการทำธุรกิจให้ก้าวไกลกว่าเดิม สนับสนุนเป้าหมายในการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจของกัมพูชา ขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนและเสมอภาค พร้อมยกระดับภาคส่วนต่าง ๆ ในอุตสาหกรรม"
คุณอัลดีน ฮูไซนี เอกอัครราชทูตมาเลเซียประจำกัมพูชา ได้เน้นย้ำสายสัมพันธ์อันเหนียวแน่นที่ทั้งสองประเทศมีมานานนับ 65 ปี โดยชี้ว่า บันทึกความเข้าใจฉบับนี้สะท้อนให้เห็นความมุ่งมั่นที่ทั้งสองฝ่ายมีร่วมกันในการกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของการค้าระดับทวิภาคี
ท่านทูตฯ กล่าวว่า "บันทึกความเข้าใจฉบับนี้จะปูทางสู่ความร่วมมือและโอกาสต่าง ๆ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อภาคเอสเอ็มอีของทั้งสองประเทศ เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับภาคเอสเอ็มอี และสนับสนุนการพัฒนาขีดความสามารถในภูมิภาค"