ปักกิ่ง--1 พฤศจิกายน 2565--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์
แอปเปิลแดงลูกใหญ่บนต้นไม้เป็นสิ่งที่พบเห็นได้ทั่วไปในหมู่บ้านหนานโกวในฤดูเก็บเกี่ยว โดยหนานโกวเป็นหนึ่งในหมู่บ้านหลายแห่งของเมืองเหยียนอัน มณฑลส่านซี ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน ที่หลุดพ้นจากความยากจนด้วยการทำสวนแอปเปิล
เมืองเหยียนอันมีผลผลิตแอปเปิล 4 ล้านตันต่อปี คิดเป็นสัดส่วนหนึ่งในเก้าของผลผลิตแอปเปิลทั้งหมดในประเทศจีน ซึ่งเป็นประเทศกำลังพัฒนาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
หมู่บ้านหนานโกวซึ่งมีประชากรราว 1,000 คน สามารถขจัดความยากจนได้สำเร็จในปี 2561
ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ผู้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ได้มุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านหนานโกวทันทีที่ลงจากรถไฟในช่วงบ่ายวันพุธที่แล้ว ในการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมครั้งแรกหลังปิดฉากการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน ครั้งที่ 20
นายสี จิ้นผิง ได้เยี่ยมชมสวนผลไม้และพูดคุยกับชาวบ้าน โดยสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับการปลูกต้นแอปเปิลและการเก็บเกี่ยว พันธุ์แอปเปิล ราคาขายแอปเปิล และรายได้ที่ได้รับ เขายังสอบถามด้วยว่าหมู่บ้านนี้พัฒนาการปลูกแอปเปิลและอุตสาหกรรมอื่น ๆ อย่างไร
"ท่านสีถามถึงรายได้ของเรา และผมตอบไปว่าตอนนี้เราสบายดีมาก" นายจ้าว หย่งตง (Zhao Yongdong) ชาวบ้านในหมู่บ้าน กล่าว พร้อมกับเสริมว่ารายได้จากสวนผลไม้อยู่ที่ราว 50,000 หยวน (มากกว่า 6,800 ดอลลาร์) ถึง 60,000 หยวนในปีที่เก็บเกี่ยวได้ไม่ดี และเขาอาจได้เพิ่มอีก 10,000 หยวนต่อปีหากทำงานกับสหกรณ์การเกษตร
นายสี จิ้นผิง กล่าวว่า ความชื้นและปริมาณน้ำฝนที่อยู่ในระดับต่ำเหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตของต้นแอปเปิลบนที่ราบสูงดินลมหอบ (Loess Plateau) ทางตอนเหนือของมณฑลส่านซี นอกจากนี้ เขายังชื่นชมการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ รวมถึงการชลประทานแบบน้ำหยด การปลูกพืชแคระ และสายการผลิตผลไม้ ซึ่งช่วยปรับปรุงคุณภาพผลไม้และประสิทธิภาพการผลิตได้เป็นอย่างดี
นายสี จิ้นผิง กล่าวว่า ปัญหาความยากจนสัมบูรณ์ (absolute poverty) ได้รับการแก้ไขแล้ว และเน้นย้ำว่าต้องพยายามมากขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดียิ่งขึ้น
"พรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นพรรคของประชาชนและเพื่อประชาชน พรรคมุ่งมั่นที่จะรับใช้ประชาชนและทำงานอย่างเต็มที่เพื่อประโยชน์ของประชาชน" นายสี จิ้นผิง กล่าว
การยึดประชาชนเป็นศูนย์กลางและการทำงานหนักคือจิตวิญญาณเหยียนอัน
สิ่งที่ผู้นำจีนกล่าวสะท้อนถึงจุดประสงค์พื้นฐานของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในการรับใช้ประชาชนจากใจจริง ซึ่งเขียนลงครั้งแรกในรัฐธรรมนูญของพรรคระหว่างการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน ครั้งที่ 7 ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองเหยียนอันเมื่อปี 2488
นายสี จิ้นผิง เชิดชูเมืองเหยียนอันในฐานะสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของการปฏิวัติประเทศและต้นกำเนิดของจีนยุคใหม่ เนื่องจากเป็นอดีตฐานที่มั่นซึ่งบรรดานักปฏิวัติ รวมถึงนายเหมา เจ๋อตง ได้ผลักดันการปฏิวัติตั้งแต่แรกเริ่มจนเสร็จสิ้น และเปลี่ยนอนาคตของประเทศไปตลอดกาล นายสี จิ้นผิง กล่าวว่า จิตวิญญาณเหยียนอันคือความกล้าได้กล้าเสีย การพึ่งพาตนเอง และการทำงานหนัก
แม้จะถูกปิดล้อมอย่างแน่นหนาโดยกองกำลังก๊กมินตั๋งในปี 2484 แต่ทหารของพรรคคอมมิวนิสต์จีนและชาวบ้านในเมืองเหยียนอันก็ทำงานอย่างหนัก โดยใช้จอบและพลั่วเปลี่ยนภูเขาที่รกร้างและดินแดนที่แห้งแล้งทางตอนเหนือของมณฑลส่านซีให้กลายเป็นพื้นที่เพาะปลูกเพื่อพึ่งพาตนเอง
ในระหว่างตรวจเยี่ยมคลองหงฉี (คลองธงแดง) ในเมืองหลินโจว มณฑลเหอหนาน ทางตอนกลางของจีน เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นายสี จิ้นผิง กล่าวว่า จิตวิญญาณความกล้าได้กล้าเสีย การพึ่งพาตนเอง และการทำงานหนักในการสร้างคลองนี้ ได้รับการสืบทอดและส่งต่อมาจากจิตวิญญาณเหยียนอัน
ชาวบ้านในอำเภอหลินเซียน ซึ่งปัจจุบันรู้จักกันในชื่อเมืองหลินโจว เคยประสบปัญหาขาดแคลนน้ำอย่างหนัก ในช่วงทศวรรษ 2500 ชาวบ้านจึงใช้เวลาเกือบ 10 ปีในการสร้างคลองข้ามภูเขาไท่หางที่สูงชัน ซึ่งอยู่เหนือระดับน้ำทะเลราว 800-1,736 เมตร เพื่อนำน้ำเข้าสู่หมู่บ้าน
นายสี จิ้นผิง กล่าวว่า คลองหงฉีเป็นอนุสรณ์แห่งความมุ่งมั่นและกล้าหาญของชาวบ้านในอำเภอหลินเซียนที่ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา
เขาเรียกร้องให้สมาชิกพรรคทุกคนส่งเสริมจิตวิญญาณการต่อสู้ เสริมสร้างความสามารถในการต่อสู้ เอาชนะความยากลำบากและความท้าทายนานัปการที่รออยู่ข้างหน้าอย่างเด็ดเดี่ยว และใช้จิตวิญญาณการต่อสู้อย่างไม่ย่อท้อเพื่อเปิดโลกทัศน์ใหม่สำหรับพรรคและประเทศชาติ
ทั้งนี้ รายงานในการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน ครั้งที่ 20 เน้นย้ำว่าจีนจะยังคงให้ความสำคัญกับการพัฒนาการเกษตรและชนบทเป็นอันดับแรก ตลอดจนรวบรวมและขยายความสำเร็จในการบรรเทาความยากจน และเสริมสร้างรากฐานความมั่นคงทางอาหารในทุกด้าน
นายสี จิ้นผิง เรียกร้องให้สมาชิกพรรคส่งเสริมการฟื้นฟูชนบทอย่างเต็มที่ ดำเนินนโยบายเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของชาวบ้าน รวมถึงเร่งปรับปรุงพื้นที่เกษตรกรรมและพื้นที่ชนบทให้ทันสมัย เพื่อช่วยให้ชาวบ้านมีชีวิตที่เจริญรุ่งเรืองมากขึ้น
