แบรนด์แรกของโลกที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน ETSI EN 303 645 จากทียูวี ไรน์แลนด์ ในผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้
ชิงเต่า, จีน--1 มีนาคม 2566--พีอาร์นิวส์ไวร์/ดาต้าเซ็ต
ทียูวี ไรน์แลนด์ เกรทเทอร์ ไชน่า (TÜV Rheinland Greater China) มอบใบรับรองมาตรฐานการคุ้มครองความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยทางไซเบอร์ของอุปกรณ์ IoT สำหรับผู้บริโภค ETSI EN 303 645 ให้แก่ผลิตภัณฑ์ตู้เย็นและเครื่องซักผ้าอัจฉริยะของไฮเซ่นส์ (Hisense) ส่งผลให้ไฮเซ่นส์ขึ้นแท่นแบรนด์ตู้เย็นและเครื่องซักผ้ารายแรกของโลกที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน ETSI EN 303 645 จากทียูวี ไรน์แลนด์ ในผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้
ดร.เฉิน เว่ยคัง (Dr. Chen Weikang) รองประธานฝ่ายบริการอุตสาหกรรมและความปลอดภัยทางไซเบอร์ของทียูวี ไรน์แลนด์ เกรทเทอร์ ไชน่า และวิศวกรอาวุโส กล่าวว่า "ทียูวี ไรน์แลนด์ และไฮเซ่นส์ ร่วมมือกันในด้านการคุ้มครองความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยทางไซเบอร์มาตั้งแต่ปี 2560 และการมอบใบรับรองในวันนี้ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญภายใต้ความร่วมมือของเรา โดยไม่เพียงเป็นสักขีพยานในการขยายความร่วมมือของเราจากสมาร์ททีวีไปสู่เครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะอื่น ๆ เท่านั้น แต่ยังตอกย้ำว่าไฮเซ่นส์ให้ความสำคัญกับการคุ้มครองความเป็นส่วนตัวของผู้บริโภค และมีความพยายามอย่างไม่ลดละในการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์"
ในการมอบใบรับรองครั้งนี้ ทียูวี ไรน์แลนด์ ได้ทำการประเมินและทดสอบตู้เย็นและเครื่องซักผ้าอัจฉริยะของไฮเซ่นส์ตามกรณีการทดสอบที่กำหนดไว้ในมาตรฐาน ETSI TS 103 701 ซึ่งระบุวิธีการประเมินความสอดคล้องของอุปกรณ์ IoT สำหรับผู้บริโภคตามมาตรฐาน ETSI EN 303 645
ไฮเซ่นส์ และทียูวี ไรน์แลนด์ จะทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่องในด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ เพื่อช่วยให้ไฮเซ่นส์ปฏิบัติตามมาตรฐานคุณภาพที่สูงขึ้น และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก
เกี่ยวกับไฮเซ่นส์
ไฮเซ่นส์ (Hisense) มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองชิงเต่า ประเทศจีน ตลอดระยะเวลา 54 ปีที่ผ่านมา บริษัทยึดมั่นในค่านิยมหลัก ได้แก่ "ความซื่อสัตย์ นวัตกรรม การให้ความสำคัญกับลูกค้า และความยั่งยืน" รวมถึงยุทธศาสตร์การพัฒนา "รากฐานเทคโนโลยีที่มั่นคงและการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง" มาโดยตลอด ธุรกิจของบริษัทครอบคลุมหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น มัลติมีเดีย เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เทคโนโลยีสารสนเทศอัจฉริยะ และอุตสาหกรรมบริการสมัยใหม่ ด้วยการพัฒนาอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ไฮเซ่นส์ได้ขยายธุรกิจครอบคลุมกว่า 160 ประเทศและดินแดนทั่วโลก โดยสมาร์ททีวีซึ่งเป็นธุรกิจ B2C หลักของไฮเซ่นส์ จัดได้ว่าอยู่แถวหน้าของอุตสาหกรรมโลกมาโดยตลอด นอกเหนือจากธุรกิจ B2C แล้ว ไฮเซ่นส์ยังเป็นผู้นำระดับโลกในอุตสาหกรรม B2B ซึ่งรวมถึงการขนส่งอัจฉริยะ การแพทย์แม่นยำ และการสื่อสารออปติคอล