ปักกิ่ง, 2 มี.ค. 2566 /พีอาร์นิวส์ไวร์/ดาต้าเซ็ต
หลังจากที่สร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งและมีเสถียรภาพในเดือนกันยายนเมื่อปีที่แล้ว จีนและเบลารุสให้คำมั่นเมื่อวันพุธ (1 มี.ค.) ว่าจะทั้งสองประเทศจะเสริมสร้างความเป็นพันธมิตรที่เป็นแบบอย่างในยุคใหม่สืบไป
ข้อตกลงดังกล่าวได้บรรลุร่วมกันและได้ผ่านการลงนามร่วม หลังจากการเจรจาระหว่างนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน และนายอเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโก ประธานาธิบดีเบลารุส ที่เดินทางเยือนกรุงปักกิ่ง
ประมุขแห่งรัฐทั้งสองร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามเอกสารความร่วมมือระดับทวิภาคีหลายฉบับในหลายภาคส่วน ตั้งแต่เศรษฐกิจและการค้า, อุตสาหกรรม, เกษตรกรรม, ศุลกากร, วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, สาธารณสุข, การท่องเที่ยวและกีฬา ตลอดจนกิจการส่วนท้องถิ่น
จีน-เบลารุส มิตรภาพที่ 'ไม่มีวันแตกหัก'
ในการเน้นย้ำว่ามิตรภาพของจีน-เบลารุส จะไม่มีวันแตกหักนั้น ปธน.สีกล่าวว่า ทั้งสองฝ่ายควรเพิ่มความไว้เนื้อเชื่อใจด้านการเมืองซึ่งกันและกัน และยังคงเป็น "มิตรแท้และพันธมิตรที่ดี" ต่อกัน
ปธน.สีกล่าวว่า จีนขอยกย่องเบลารุสที่ให้การสนับสนุนอย่างหนักแน่นต่อจุดยืนที่ถูกต้องตามกฎหมายของจีนในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับไต้หวัน, ซินเจียง, ฮ่องกง และสิทธิมนุษยชน
ในการกระชับความร่วมมือทวิภาคีนั้น ปธน.จีนเน้นย้ำถึงความพยายามอย่างต่อเนื่องในการขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจ, การค้า, การสร้างนิคมอุตสาหกรรมจีน-เบลารุส, การร่วมกันสร้างโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt and Road) และการผลักดันการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานการเชื่อมต่อ เช่น รถไฟขนส่งสินค้าจีน-ยุโรป
ปธน.ลูคาเชนโกกล่าวว่า เบลารุสยินดีที่จะกระชับความร่วมมือกับจีนในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, อุตสาหกรรม, เกษตรกรรมและการท่องเที่ยว, การผลักดันการก่อสร้างรถไฟขนส่งสินค้าจีน-ยุโรป และนิคมอุตสาหกรรม พร้อมยินดีต้อนรับบริษัทจีนให้มาลงทุนในเบลารุสและเสริมสร้างการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและความเป็นท้องถิ่น
นิคมอุตสาหกรรมจีน-เบลารุส เกรต สโตน (The Great Stone China-Belarus Industrial Park) คือโครงการที่ใหญ่ที่สุดในการดึงดูดการลงทุนในเบลารุส และเป็นโครงการความร่วมมือที่สำคัญภายใต้กรอบโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง ซึ่งได้รับการส่งเสริมโดยประมุขแห่งรัฐทั้งสองเป็นการส่วนตัว และได้รับความสำคัญจากรัฐบาลทั้งสองประเทศ
นับตั้งแต่ผู้นำทั้งสองประเทศเดินทางเยือนนิคมอุตสาหกรรมในเดือนพฤษภาคม 2558 การพัฒนาและการก่อสร้างโครงการได้คืบหน้าจนบรรลุผลสำเร็จ
ตามรายงานของคณะกรรมการสถิติแห่งชาติเบลารุสนั้น ผลกำไรสุทธิของกิจการนิคมอุตสาหกรรมอยู่ที่ 34.1 ล้านรูเบิลเบลารุส (13.51 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในปี 2565 เพิ่มขึ้น 144% จากปีก่อนหน้า
ปีนี้เป็นปีแห่งการครบรอบ 10 ปีของโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง เบลารุสในฐานะศูนย์กลางการขนส่งที่สำคัญในแถบเศรษฐกิจเส้นทางสายไหม (Silk Road Economic Belt) เป็นหนึ่งในประเทศแรก ๆ ที่ตอบรับและเข้าร่วมในโครงการริเริ่มนี้
ด้วยการเติบโตของความสัมพันธ์ทวิภาคี จีนและเบลารุสได้เห็นการค้าที่เฟื่องฟูในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยสถิติจากกรมศุลกากรจีนแสดงให้เห็นว่าการค้าระหว่างทั้งสองประเทศมีมูลค่าทะลุ 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2565 เพิ่มขึ้น 33% เมื่อเทียบเป็นรายปี
ร่วมกันปกป้องความเป็นธรรมและความยุติธรรมระหว่างประเทศ
สำหรับการปกป้องสันติภาพและการพัฒนาของโลกนั้น ปธน.สีกล่าวว่า จีนยินดีกับการสนับสนุนของเบลารุสในโครงการการพัฒนาระดับโลก (Global Development Initiative) และโครงการความมั่นคงโลก (Global Security Initiative)
ปธน.สีกล่าวเสริมว่า จีนพร้อมที่จะเพิ่มการประสานงานและความร่วมมือกับเบลารุสที่องค์การสหประชาชาติและเวทีพหุภาคีอื่น ๆ เพื่อร่วมกันรับมือกับความท้าทายระดับโลกและสร้างชุมชนสำหรับมนุษยชาติที่มีอนาคตร่วมกัน
ด้านปธน.ลูคาเชนโกกล่าวว่า เบลารุสยินดีที่จะกระชับความร่วมมือกับจีนในประเด็นสำคัญระดับนานาชาติและภูมิภาค และร่วมกันปกป้องความมั่นคงและเสถียรภาพระหว่างประเทศและภูมิภาค โดยเน้นว่าจีนเป็นแกนนำในการปกป้องสันติภาพโลก
ผู้นำทั้งสองยังได้ร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองเรื่องวิกฤตการณ์ในยูเครนและประเด็นอื่น ๆ
ปธน.สีเน้นย้ำว่าจุดยืนของจีนต่อวิกฤตยูเครนนั้นเสมอต้นเสมอปลายและชัดเจน และจีนได้ออกเอกสารแสดงจุดยืนในการยุติวิกฤตทางการเมือง
ปธน.สีกล่าวว่า ประเทศที่เกี่ยวข้องควรหยุดใช้เศรษฐกิจโลกเป็นเครื่องมือในการเล่นการเมือง และทำในสิ่งที่เอื้อให้เกิดการหยุดยิง ยุติสงคราม และยุติวิกฤตอย่างสันติ
ด้านปธน.ลูคาเชนโกกล่าวว่า เบลารุสเห็นด้วยอย่างเต็มที่และสนับสนุนจุดยืนและข้อเสนอของจีนในข้อตกลงระงับข้อพิพาททางการเมืองในวิกฤตยูเครน พร้อมเสริมว่าจุดยืนดังกล่าวเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการแก้ไขวิกฤตนี้
จีนเผยแพร่เอกสารระบุจุดยืนของตนในการใช้ข้อตกลงทางการเมืองเพื่อยุติวิกฤตการณ์ยูเครนเมื่อวันศุกร์ (24 ก.พ.) ซึ่งในเอกสารนี้ จีนเสนอแนวทางแก้ไขทั้งปัญหาและสาเหตุ โดยยืนยันว่าการพูดคุยและการเจรจาคือทางออกเดียวที่เป็นไปได้สำหรับวิกฤตการณ์ยูเครน