ปักกิ่ง, 19 มิถุนายน 2566 /พีอาร์นิวส์ไวร์/ดาต้าเซ็ต
เนื่องในโอกาสวันพ่อแห่งชาติ ซึ่งในปีนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่สามของเดือนมิถุนายน ผู้คนต่างแสดงความรักความกตัญญูต่อผู้เป็นบิดาและร่วมทบทวนความทรงจำอันมีค่าที่ได้ใช้เวลาร่วมกัน
บนชั้นวางหนังสือของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ก็มีภาพที่ตัวเขานั้นกำลังเข็นรถวีลแชร์ของสี จงซุน ผู้เป็นพ่อ โดยมีภรรยาและลูกสาวที่ก้าวเดินไปพร้อมกัน
สี จงซุน (2456-2545) ลูกชายของชาวนาผู้ผงาดขึ้นมาเป็นผู้นำ เขามักจะขนานนามตนเองว่าเป็นสมาชิกของคนทำงานคนหนึ่งเท่านั้น
ชีวิตที่เรียบง่าย
ตระกูลสีมีธรรมเนียมปฏิบัติที่จะเข้มงวดกับลูก ๆ ของตัวเองและใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย โดยนายสี จงซุน มักบอกกับลูก ๆ ของเขาเสมอว่าให้รู้จักมัธยัสถ์และใช้ชีวิตให้ดูเป็นแบบอย่าง
ขณะที่ในความทรงจำของสี เฉียวเฉียว ผู้เป็นลูกสาว นายสี จงซุน มักจะหยิบและกินเศษข้าวและเศษขนมปังจากบนโต๊ะ และซับถ้วยซุปด้วยขนมปังจนหมด
ด้วยเหตุนี้ เมื่อครั้งที่ปธน.สี จิ้นผิง ยังเป็นเด็ก เขาจึงสวมเสื้อผ้าและรองเท้าที่ได้รับต่อจากพี่สาว เมื่อเขาทำงานอยู่ที่เจิ้งติงซึ่งตั้งอยู่ในมณฑลเหอเป่ยทางตอนเหนือของจีน เขาจะพกเสื่อที่มีรอยปะไปกับเขาด้วยเสมอ และระหว่างที่เขาทำงานอยู่ที่เมืองหนิงเต๋อในมณฑลฝูเจี้ยนทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ เขาได้ขอร้องไม่ให้ปรับปรุงห้องทำงานหรือหอพักของเขาใหม่
นอกจากนี้ เขายังให้ความสำคัญกับการศึกษาของครอบครัวและคุณธรรมในหลาย ๆ โอกาส "ไม่ว่ากาลเวลาจะเปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหน คุณค่าของครอบครัว การศึกษาของครอบครัว และการสร้างครอบครัว จำเป็นต้องได้รับการใส่ใจเพื่อให้หลายล้านครอบครัวได้กลายเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาประเทศ ความก้าวหน้าทางชาติพันธุ์ และความสามัคคีปรองดองทางสังคม" ปธน.สี จิ้นผิง กล่าว
นับตั้งแต่ที่เขาได้ก้าวขึ้นมาเป็นเลขาธิการใหญ่ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC) ปธน.สี จิ้นผิง ก็ได้เรียกร้องให้มีการฝึกความมัธยัสถ์อยู่หลายต่อหลายครั้ง และต่อต้านความฟุ่มเฟือยและความสิ้นเปลืองทุกรูปแบบ
ธรรมเนียมปฏิบัติของนายสี จงซุน ได้กลายเป็นกระจก บรรทัดฐาน และแนวปฏิบัติสำหรับลูก ๆ ของเขาสืบมา
ประเทศชาติต้องมาก่อน
ในวันที่ 15 ตุลาคม 2544 ได้มีการจัดงานรวมญาติซึ่งนานทีจะจัดขึ้น เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิดอายุ 88 ปีของนายสี จงซุน
อย่างไรก็ตาม ปธน.สี จิ้นผิง ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้ว่าการมณฑลฝูเจี้ยนอยู่ในขณะนั้น ไม่อาจมาร่วมได้เนื่องจากตารางงานที่แน่นขนัด เขาจึงได้ส่งจดหมายสุดซาบซึ้งถึงผู้เป็นบิดาเพื่อแสดงความเสียใจที่ไม่อาจมาร่วมงานได้
ปธน.สี จิ้นผิง ระบุในจดหมายว่า "พ่อได้ทำงานอย่างเงียบ ๆ เพื่อชนชาวจีน นั่นคือแรงบันดาลใจที่ทำให้ผมได้ทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อรับใช้ผู้คน"
ระหว่างที่ได้อ่านจดหมายฉบับนี้ นายสี จงซุน ก็ได้เข้าใจเหตุผลที่ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนไม่ได้มาร่วมงานนี้ และได้กล่าวกับญาติสนิทมิตรสหายว่า "งานต้องมาก่อน และประเทศชาติต้องมาเป็นอันดับแรก การรับใช้ประชาชนคือความกตัญญูที่ยิ่งใหญ่ที่สุด"
ธรรมเนียมปฏิบัติอันดีงามของครอบครัวนี้ได้ส่งผลกระทบต่อแนวทางการทำงานของพรรคและรัฐบาล
นับตั้งแต่การประชุมสมัชชาใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ครั้งที่ 18 ปธน.สี จิ้นผิงได้เดินทางไปยังพื้นที่ที่อยู่ติดกัน 14 แห่ง ซึ่งขณะนั้นกำลังประสบกับความยากจนข้นแค้นอย่างรุนแรง และได้ดำเนินการตรวจสอบงานบรรเทาความยากจนไปมากกว่า 50 ครั้ง
นับตั้งแต่การ "เฝ้ามองความยากจนอย่างแท้จริง" จนถึง "การขจัดความยากจน" เขาได้แบกรับความรับผิดชอบทางประวัติศาสตร์ไว้บนบ่าอย่างมั่นคง
นายสี จงซุน เคยกล่าวกับลูกชายของเขาว่า "ไม่ว่าจะอยู่ในยศใดตำแหน่งใดก็ตาม จงรับใช้ผู้คนอย่างสุดความสามารถ คำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนอย่างสุดหัวใจ รักษาสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้คน และพร้อมให้ประชาชนเข้าถึงได้อยู่เสมอ"
คำพูดเหล่านี้ ปธน.สี จิ้นผิง ไม่เคยลืม และได้กลายเป็นแรงบันดาลใจสำคัญที่ทำให้เขารับใช้ผู้คนเรื่อยมา