ซูโจว, จีน—22 ส.ค. 2566—พีอาร์นิวส์ไวร์/ดาต้าเซ็ต
บริษัท จีซีแอล ซิสเต็ม อินทิเกรชัน เทคโนโลยี จำกัด (GCL System Integration Technology Co., Ltd. หรือ GCLSI) ได้ลงนามในข้อตกลงว่าด้วยกรอบและทิศทางในการจัดหาแผงเซลล์แสงอาทิตย์สมรรถนะสูงชนิดเอ็นไทป์ (N-type) ระดับ 1.1 GW ร่วมกับซาเอล อินดัสทรีส์ ลิมิเต็ด (SAEL Industries Limited หรือ SAEL) นับเป็นหมุดหมายใหม่ของ GCLSI ในการขยับขยายการทำธุรกิจในระดับสากล โครงการดังกล่าวเป็นโครงการจัดซื้อแผงเซลล์แสงอาทิตย์ (PV) ที่ใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ ในตลาดอินเดียในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ พิธีลงนามข้อตกลงครั้งนี้มีขึ้นที่ศูนย์พลังงานจีซีแอล (GCL Energy Center) ณ เมืองซูโจว ประเทศจีน เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม โดยมีผู้บริหารระดับสูงร่วมเป็นสักขีพยานมากมาย ไม่ว่าจะเป็นคุณจู หยูเฟิง (Zhu Yufeng) รองประธานกรรมการและประธานจีซีแอล กรุ๊ป (GCL Group) ประธานกรรมการของ GCLSI, คุณจาง คุน (Zhang Kun) ประธานบริหารของ GCLSI, คุณคริชาน เมห์ทา (Krishan Mehta) ประธานศูนย์การตลาดระดับโลกของ GCLSI และคุณจาสบีร์ ซิงห์ อาวลา (Jasbir Singh Awla) กรรมการผู้จัดการของ SAEL
Mr. Jasbir Singh Awla (left) and Mr. Zhang Kun (right)
GCLSI เป็นผู้ให้บริการพลังงานหมุนเวียนชั้นนำแบบครบวงจร โดยมีโรงงานผลิตหลายแห่งในจีน ส่วน SAEL เป็นผู้พัฒนาโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ระดับชั้นนำในอินเดีย ซึ่งมีบทบาทในการจัดตั้งโครงการระดับสาธารณูปโภคหลายโครงการทั่วประเทศ ความร่วมมือระหว่างทั้งสองบริษัทได้เข้ามาเติมพลังให้กับอุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์ของอินเดีย และเสริมความแข็งแกร่งให้กับ GCLSI ในฐานะผู้นำตลาด
คุณจาสบีร์ ซิงห์ อาวลา กรรมการผู้จัดการของ SAEL กล่าวว่า "เรามอง GCLSI เป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ ตามแผนงานอันทะเยอทะยานของเราในการติดตั้งโครงการเซลล์แสงอาทิตย์แบบติดตั้งภาคพื้นดินมากกว่า 2 GW ในอินเดียในแต่ละปี"
คุณจาง คุน ประธานบริหารของ GCLSI กล่าวว่า "นี่คือจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์อันยืนยาวระหว่าง GCLSI กับ SAEL ผมรู้สึกว่าการลงนามข้อตกลงนี้ทำให้ GCLSI ก้าวไปอีกขั้นในการเป็นผู้นำตลาดในอุตสาหกรรมโมดูลเซลล์แสงอาทิตย์ครับ"
เมื่อไม่นานมานี้ GCLSI ได้เปิดตัวโครงการผลิตเซลล์สมรรถนะสูงชนิดเอ็นไทป์ ขนาด 20 GW ในเมืองอู๋หู ประเทศจีน โครงการอันทะเยอทะยานนี้สะท้อนให้เห็นความมุ่งมั่นของ GCLSI ในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับห่วงโซ่อุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์แบบครบวงจรที่มีอยู่เดิม
สภาเศรษฐกิจโลก (WEF) คาดการณ์เอาไว้ว่า อินเดียน่าจะใช้พลังงานแสงอาทิตย์เพิ่มขึ้นมากเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก อันเป็นผลจากความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทั้งยังมีแสงแดดเพียงพอตลอดทั้งปี โดยนายนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย ได้ตั้งเป้าผลิตพลังงานหมุนเวียนให้ได้ 450 กิกะวัตต์ภายในปี 2573 ซึ่งมากกว่ากำลังการผลิตปัจจุบันถึง 5 เท่า หากบรรลุเป้าหมายดังกล่าวแล้ว สิ่งนี้หมายความว่าอินเดียจะผลิตไฟฟ้าจากแหล่งเชื้อเพลิงที่ไม่ใช่ฟอสซิลได้ถึง 60% ภายในปี 2573 ซึ่งเกินกว่าเป้าหมาย 40% ที่ตั้งไว้ในความตกลงปารีส
เป้าหมายด้านพลังงานทดแทนอันทะเยอทะยานของอินเดีย การสนับสนุนจากนโยบายของรัฐบาล และการที่โซลูชันที่ยั่งยืนเป็นที่ต้องการเพิ่มขึ้นนั้น ทำให้ GCLSI หวังที่จะเป็นพันธมิตรที่เชื่อถือได้ในการเดินทางของอินเดียสู่อนาคตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีล้ำสมัย ประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างกว้างขวางในอุตสาหกรรม และความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ
